พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด และติดตามผลงานของ แมลงปอ อากิระ ได้บน Facebook และ Twitter

20 ต.ค. 2554

ถุงใส่น้ำสะอาด กรณีฉุกเฉินน้ำท่วม



ในช่วงที่เกิดภาวะอุทกภัยนํ้าท่วม การเตรียมตัวเพื่อดำรงชีพระหว่างน้ำท่วมขัง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า เช่น การเตรียมเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำดื่ม น้ำใช้ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในภาวะแบบนี้

หากน้ำที่กักเก็บไว้ไม่สามารถปิดฝาภาชนะได้สนิท หรือ มีภาชนะเก็บน้ำสะอาดไม่เพียงพอ ถุงพลาสติกใส่อาหารช่วยได้

1. เปิดปากถุงพลาสติกใสชนิดบรรจุอาหาร ถ้ามีใบใหญ่ที่สุดยิ่งดี
2. เทน้ำสะอาดใส่ถุงประมาณครึ่งถุง อย่าใส่เต็ม จะมัดปากถุงลำบาก
3. ม้วนปากถุงเป็นเกลียว มัดด้วยเชือกฟางให้แน่น โดยให้มีอากาศอยู่ ภายในประมาณ 1 ใน 4 ของถุง เพื่อให้สังเกตเห็นถุงลอยเหนือน้ำได้ง่าย
4. นำปลายเชือกฟางที่เหลือ ผูกติดกับหลักยึดป้องกันการลอยน้ำหายไป

เมื่อน้ำท่วม อากาศในถุงจะยกตัวขึ้นผิวน้ำ ทำให้มองหาถุงง่ายกว่าไม่มีอากาศ ถุงน้ำมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายในน้ำได้ง่าย หากยกถุงขึ้นจากน้ำ ถุงจะหนักขึ้นตามน้ำหนักน้ำที่ใส่ สามารถใช้ถุงขยะสีขุ่น/ถุงดำ เพื่อใส่น้ำใช้ (ไม่ใช่น้ำดื่ม) ต้องล้างถุงให้สะอาดก่อน และควรเลือกถุงที่มีความเหนียวมาก ๆ ระวังอย่าให้ถุงโดนของมีคมที่ลอยตามน้ำ จะทำให้ถุงแตกรั่วซึม

แนวคิดนี้ได้จากการสังเกตเห็นถุงใส่แกงจืดที่ตกลงไปในน้ำแล้วลอยน้ำได้ จึงได้ทดลองนำถุงพลาสติกใส่น้ำสะอาดแล้วไปลอยในบ่อน้ำ ปรากฏว่าน้ำสะอาดข้างในยังสามารถนำมาใช้ได้ โดยต้องมัดปากถุงให้สนิทที่สุด หวังว่าการใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำสะอาดนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการที่จะสำรองน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และที่สำคัญหากใช้ถุงพลาสติกเสร็จแล้ว ควรนำถุงไปใช้ซ้ำ เช่น ใส่สิ่งของ ใส่ขยะ เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าที่สุด ก่อนที่จะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติให้ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2554

17 ต.ค. 2554

เวลาที่ผ่านไป ช้าหรือเร็ว?


หลายคนมักจะบ่นถึงเรื่องเวลาที่ผ่านไป
ว่าทำไมเวลาตอนที่ต้องทนทุกข์ เวลาช่างเดินผ่านไปแสนจะช้า
แต่เวลาตอนที่มีความสุข เวลากลับเดินผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน
จนบางคนแทบจะอยากหยุดเวลาไว้นาน ๆ แต่ทำไม่ได้

ชีวิตก็เสมือนการเดินทางบนเส้นทางของเวลา ที่ไม่อาจหยุดลง แต่มีวันจบสิ้น
หมายความว่า เวลาเป็นถนนสายหนึ่ง ที่ทอดยาวไกลไปเรื่อย ๆ
ถ้าเวลาคือถนน เวลาจึงไม่ได้เคลื่อนที่ผ่านชีวิตของเราเลย
ชีวิตของเราต่างหากที่เคลื่อนที่ ผ่านเส้นทางของเวลา

สมมุติว่ากำลังเดินทางอยู่บนผิวโลก ตรงเส้นศูนย์สูตร สวนทางกับทิศการหมุนของโลก
โดยเดินทางด้วยความเร็ว เท่ากับความเร็วบนพื้นผิวโลกที่กำลังหมุนอยู่
จะพบว่า ตัวเรากำลังเดินทางอยู่กับที่ ณ องศาเดิมตลอดเวลาที่โลกหมุน
คล้ายกับการเดินบนลู่วิ่งสายพาน ที่เราไม่ได้เคลื่อนองศาออกห่างไปไหนเลย

บนเส้นทางของเวลา ก็คล้ายกับเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 วัน
เป็นชีวิตที่กำลังเดินอยู่บนวงล้อแห่งเวลา ด้วยความเร็ว 24 ชั่วโมง/วัน
ชีวิตกำลังเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิววงล้อแห่งเวลา หมุนวนเรื่อยมาไม่รู้จบ
แต่แท้ที่จริง ชีวิตยังอยู่ที่ตำแหน่งองศาเดิมโดยตลอด บนวงล้อแห่งเวลา

การเดินทางของชีวิต ก็เป็นเหมือน วงล้อที่กำลังหมุนกลิ้งไปเรื่อย ๆ
ชีวิตกับเวลา จึงไม่ต่างอะไรกับล้อ ๆ หนึ่ง ที่กำลังหมุนอยู่บนล้ออีกล้อหนึ่ง
โดยที่ชีวิตเป็นล้อหมุนตรงส่วนบน ที่กำลังหมุนบนวงล้อแห่งเวลาที่ส่วนด้านล่าง
วงล้อแห่งชีวิตหมุนบนวงล้อแห่งเวลา ตรงตำแหน่งประกับกัน เรียกว่า จุดปัจจุบัน

การที่ชีวิตได้หมุนไปพร้อมกับการหมุนของเวลา ก็คงไม่มีอะไรมากมาย
แต่สิ่งที่กั้นระหว่างหน้าผิวสัมผัสของวงล้อทั้งสอง คือ เรื่องราวของความรู้สึกนึกคิด
เรารับรู้การกระทำต่าง ๆ ณ ปัจจุบันขณะ ผ่านความรู้สึก รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
แล้วหมุนทับความรู้สึกนั้น ให้ผ่านออกไปกลายเป็นความทรงจำที่เรียกว่า เรื่องราวอดีต

เราต่างรู้ว่าชีวิตแต่ละคนมี 24 ชั่วโมง/วัน เท่า ๆ กันทุกคน  อย่างยุติธรรมเสมอภาคที่สุด
ดังนั้น วงล้อแห่งเวลาจึงมีขนาดเส้นรอบวงและความเร็วในการหมุน คงที่ตลอด
แต่สิ่งที่มีผลต่อความรู้สึกที่จะแปรสัมผัสทั้ง 5 ให้กลายเป็นเรื่องราวอดีตที่ผ่านไป
นั่นคือ ขนาดวงล้อแห่งชีวิต ที่จะเปลี่ยนไปตามขนาดของจิตใจ ในแต่ละช่วงของปัจจุบันขณะ

เมื่อจิตใจอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดมีแรงกดดันสูง ย่อมทำให้สภาพจิตมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก
เป็นผลเกิดการขยายตัวของเส้นรอบวงของวงล้อแห่งชีวิต จากแรงดันภายในที่เพิ่มมากมาย
ในขณะที่ขนาดวงล้อแห่งเวลามีขนาดเท่าเดิม ความเร็วในการหมุนคงที่ตลอด
เมื่อวงล้อแห่งชีวิตมีขนาดใหญ่ขึ้น วงล้อแห่งชีวิตจึงหมุนช้าลง ทำให้รู้สึกว่า เวลาเดินช้า

และเมื่อจิตใจได้อยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายมีแรงกดดันต่ำ สภาพจิตย่อมมีน้ำหนักที่เบาลง
เส้นรอบวงของวงล้อแห่งชีวิตก็จะหดตัวเล็กลง เนื่องจากแรงดันภายในบางเบาไม่ขยายตัว
แต่ขนาดวงล้อแห่งเวลายังมีขนาดเท่าเดิม และมีความเร็วในการหมุนคงที่เช่นเดิม
วงล้อแห่งชีวิตที่มีขนาดเล็กลง วงล้อแห่งชีวิตย่อมหมุนเร็วขึ้น จึงรู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็ว

จะเห็นว่าปัจจัยในการหมุนของเวลานั้นคงที่ แต่สภาพจิตใจจะมีผลทางความรู้สึกต่อเวลา
จิตใจที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมากมาย ย่อมมีน้ำหนักและเส้นรอบวงของผิวสัมผัสที่มากกว่า
ไม่ต่างอะไรกับการเข็นครกใบใหญ่ ๆ ขึ้นภูเขา เป็นความรู้สึกทุกข์ที่แสนจะยาวนาน
และเมื่อรู้สึกว่ากำลังเป็นทุกข์ ก็ยิ่งไปเพิ่มแรงดันภายในจิตใจให้หนักอกหนักใจขึ้นเรื่อย ๆ

เวลาจะเดินช้าหรือเร็ว จึงเป็นเพียงแค่ความรู้สึก จากจิตนึกคิดในใจของแต่ละช่วงขณะ
ไม่ว่าจะรู้สึกทุกข์หรือสุข ในที่สุดแล้วก็จะต้องผ่านไป ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ถาวร
ทุกข์สุขสลับหมุนเวียนเปลี่ยนไป ทุกข์สุขใหม่อย่างไรก็จะดำเนินเคลื่อนเข้ามา
อย่าเสียเวลาจดจ่อกับเวลาที่กำลังผ่านไป แต่ควรใส่ใจระลึกรู้ดูสิ่งที่กำลังกระทำจะดีกว่า

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.



 

4 ต.ค. 2554

ส้ม ส้ม ส้ม


ถ้ามีส้มอยู่ 100 ผล และมีคน 100 คน หากแบ่งกันคนละ 1 ผล ก็คงดี
เป็นความยุติธรรมที่สุดในอุดมคติของใครหลายคน แต่ความเป็นจริงไม่ใช่

ในโลกของความจริง จะมีส้มจำนวนประมาณ 90 ผล อยู่ในมือของคนเพียง 10-20 คน
ส่วนส้มที่เหลือประมาณ 10 ผล ต้องถูกคนอีก 80-90 คน แย่งชิงส้มจำนวนดังกล่าว
ย่อมหมายถึง จะมีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถแย่งชิงส้มได้เลย แม้แต่เพียง 1 กลีบ
ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เพราะนี่คือ กฏของเงิน ธรรมชาติของการกักตุนเพื่อความอยู่รอด

ในสมัยอดีตกาล มนุษย์ปลูกข้าวไว้กิน และนำข้าวส่วนหนึ่งไปแลกปลา
ส่วนมนุษย์ที่จับปลา ก็นำปลาส่วนหนึ่งมาแลกข้าวไว้กิน ตามแต่จำนวนจะตกลงกัน
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อข้าวที่ปลูกโตไม่ทันใจ และปลาที่จับได้ก็เน่าเสียเร็ว
ทางออกที่ลงตัวที่สุด คือ การมีตัวแทนของการแลกเปลี่ยนสิ่งของ

มนุษย์ได้ใช้สิ่งสมมุติเป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการ มานานนับพัน ๆ ปี
มนุษย์ใช้โลหะที่หายาก, หอยเบี้ย, ลูกปัด และสิ่งอื่น ๆ ที่(คิดว่า)มีค่า มาตั้งมูลค่าไว้แลกกัน
จนมาถึงยุคเงินสมัยใหม่ เงินกระดาษ เงินตัวแทนแลกเปลี่ยนที่ใคร ๆ อยากมีไว้ครอบครอง

ไม่ว่าจะให้นิยาม ‘เงิน’ ไว้สวยหรูเลิศเลอว่าอย่างไร แท้ที่จริง สรุปตรงตัวที่สุด
เงิน คือ ตัวแทนของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์
เงิน เป็นการถนอมอาหาร และเก็บรักษาสิ่งของที่ชาญฉลาดที่สุดของมนุษย์

ทว่าเงินได้นำมาซึ่งการสะสมเพื่อสืบทอดสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติ
มีผลทำให้คนอื่น ๆ และคนรุ่นถัดไปหมดโอกาสที่จะกักตุนในทรัพยากรนั้น ๆ
จนถึงขั้นมนุษย์ใช้เงินเป็นเครื่องมือของการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในสังคมของมนุษย์เอง

เงินจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเอาตัวรอด และการเอาเปรียบของมนุษย์
หากใครไม่มีเงิน หมายความว่าจะต้องอดตาย ในเมื่อทรัพยากรได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว
เงินจึงนำไปสู่การเห็นแก่ตัวได้ง่ายกว่าการแบ่งปันให้ผู้อื่น ที่จะเข้าถึงทรัพยากรเท่า ๆ กัน
จึงไม่แปลกที่ใคร ๆ อยากร่ำรวย เพียงเพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีชีวิตรอดอยู่บนโลก

ใช่ว่าโลกใบนี้จะโหดร้ายไปหมดเสียหมดทุกอย่าง เพียงเพราะเงินตัวเดียว
บ่อยครั้งที่พบเห็นเศรษฐีใจดีที่แบ่งปันสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรให้แก่ผู้ด้อยโอกาส
เศรษฐีใจดีผู้นั้นย่อมจะร่ำรวยความสุขมากกว่าคนรวยที่กักตุนเงินทองเพื่อตนเอง
แสดงว่า ยังมีความดีอยู่เหนือกฏของธรรมชาติ, อยู่เหนือกฏของการเอาตัวรอด
และคนดีไม่จำเป็นต้องรวยหรือจน ขอให้ไม่ตกอยู่ภายใต้กฏของเงิน เท่านั้นเอง

ปัจจุบันก็พบเห็นกลุ่มคนที่พยายามเปลี่ยนมาใช้ความดีเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแทนเงิน
เช่น โครงการธนาคารความดี ที่เน้นให้คนในชุมชนทำความดี เก็บขยะมาแลกสิ่งของ
หรือโครงการอื่น ๆ ที่เน้นการทำความดีเป็นอาสาสมัคร เพื่อแลกอาหารกลางวัน
เสมือนว่าการทำความดีนั้น สามารถใช้เป็นสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติได้
หมายความว่า โลกเราบางกลุ่มคนกำลังต้องการสิ่งทดแทนเงิน ที่เรียกว่า ‘เครดิตความดี’

เราทุกคนต่างรู้ดีว่า สะสมเงินทองมากมาย ถึงตายไปก็เอาไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ตาย มันคือสิ่งจำเป็นในการเอาตัวรอด ใคร ๆ ก็รู้ถึงกฏข้อนี้
แต่ทว่าเมื่อใดที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ว่า ‘ภพชาติหน้ามีจริง’
ตายไปแล้วสามารถเอาผลของการกระทำความดีไปใช้ต่อได้ในภพไหนก็ตาม

ความคิดของมนุษย์จะเปลี่ยนไป เราจะเห็นผู้คนพยายามกักตุนเครดิตความดี
เครดิตความดีที่ทุกคนยอมรับว่า ใช้แลกเปลี่ยนสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติได้
ผู้คนจะได้ทำอาชีพที่ตนเองรัก เป็นอาชีพที่ทำดีให้แก่ผู้อื่น ทำเพื่อสะสมเครดิตความดี
จึงเป็นการให้ผู้อื่นเพื่อให้ตนเองได้อยู่รอด และเพื่อสะสมไว้ใช้ในภพชาติหน้า (ถ้ามีจริง)

ทำไมต้องรอให้พิสูจน์ว่าชาติหน้ามีจริง ทั้งที่หลายสิ่งก็ทำดีได้แถมได้ตังค์

(บทความนี้ ต้องการกล่าวถึงเรื่องของเงินกับความดีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการขยายความไปสู่เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลพวงเกี่ยวข้องกับเงิน และได้ยกตัวอย่างการกักตุนส้มโดยสมมุติเป็นอัตราตัวเลข ไม่ได้อ้างอิงถึงตัวเลขของความเป็นจริงของแต่ละกลุ่มสังคม)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

3 ต.ค. 2554

สายรุ้งพุ่งลง


ถ้ารู้สึกว่าชีวิตกำลังตกต่ำ
แสดงว่าเคยย่ำขึ้นไปบนสายรุ้ง
อย่าเสียดายกับชีวิตที่เคยรุ่ง
เพราะสายรุ้งต้องพุ่งโค้งลงสู่ดิน

(บทความนี้อ้างอิงธรรมชาติของรุ้งกินน้ำที่พบเห็นได้บ่อย)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

23 ก.ย. 2554

สกปรก





"ข้างนอกดูซกมก ใช่ว่าจะสกปรกถึงข้างใน ข้างนอกดูจริงใจ ใช่ว่าในใจจะไม่โสโครก"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

18 ก.ย. 2554

หมาหวงก้าง


"พอเบื่อก็ทิ้งขว้าง แต่จะหวงก้างถ้าใครมาแย่งชิง"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

13 ก.ย. 2554

คนต้อยต่ำ


"คุณอาจจะต่ำต้อยสำหรับใคร ๆ แต่คุณยิ่งใหญ่ในใจฉันเสมอ"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

6 ก.ย. 2554

ฝันแสนเศร้า



"ร้องไห้แค่ในความฝัน แต่น้ำตามันไหลเป็นความจริง เศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ทุกสิ่งวิ่งจากฉันไป"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

31 ส.ค. 2554

ความคิดไม่นิ่ง



"เดินทางไปทั่วแต่ความคิดอยู่นิ่ง บางครั้งอยู่กับที่แต่ความคิดวิ่งไปไกล"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

25 ส.ค. 2554

นกกาเงินเดือน



"เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า เหล่านกกา (เงินเดือน) ต่างแยกย้ายบินกลับรัง"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 26 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

19 ส.ค. 2554

สัจธรรมจากตะไคร่น้ำที่ข้างบ่อ



ตะไคร่น้ำ แผ่นเขียว ๆ ที่เกาะติดตามข้างบ่อ
มีทั้งเป็นสีเขียวสด สีเขียวอมน้ำเงิน สีน้ำตาล และสีแดง
บ้างก็เป็นเมือก เป็นเส้นสายยาว ๆ เป็นขนฟู ๆ หรือ
เป็นเหมือนเศษละอองเล็ก ๆ ล่องลอยอยู่ในน้ำ
แล้วตะไคร่น้ำ คืออะไร ทำไมไปอยู่ที่ข้างบ่อ

ตะไคร่น้ำ เป็นเพียงชื่อที่ชาวบ้านเรียกจนคุ้นหู
แท้จริงคือ สาหร่ายเซลล์เดียวที่เกาะตามพื้นท้องน้ำ
ที่มีน้ำไหลผ่าน มีแสงแดด และมีสารอาหารไหลเวียน
แต่ไม่ใช่พวกเดียวกับสาหร่ายหางกระรอก สาหร่ายข้าวเหนียว
สาหร่ายฉัตร หรืออื่น ๆ ในกลุ่มพืชชั้นสูงที่มีดอกอาศัยในน้ำ

ตะไคร่น้ำ หรือ สาหร่ายเซลล์เดียว (Algae) มีหลากหลายชนิด
เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดําบรรพ์ประมาณ 3 พันล้านปีก่อน
มักอยู่เป็นกลุ่ม โคโลนี (Colony) หรืออยู่เป็นสายยาว (Filament)
มีทั้งขนาดเล็กจนถึงใหญ่ และมีคลอโรฟิลล์ใช้ในการสังเคราะห์แสง
ไม่มีราก ไม่มีลำต้น ไม่มีใบที่แท้จริง จึงมักถูกเรียกเป็นพืชชั้นต่ำ

คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) จะดูดกลืนพลังงานแสงสีจากแสงแดด
แต่สะท้อนแสงสีเขียวและเหลืองออกไป จึงทำให้เห็นสาหร่ายเป็นสีเขียว
พลังงานแสงทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างน้ำกับคาร์บอนไดออกไซด์
จะได้ออกซิเจนและน้ำตาลกลูโคส เพื่อใช้ในกระบวนการหายใจของเซลล์
ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่เซลล์ แล้วออกซิเจนส่วนเกินจะคายออกไป

สาหร่ายเซลล์เดียวที่มีโครงสร้างเซลล์คล้ายกับแบคทีเรีย
จะถูกจัดอยู่ในอาณาจักร มอเนอรา (Monera Kingdom)
ได้แก่ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มีผนังเซลล์เป็นเมือกใส (Sheath)
ไม่มี แฟลกเจลลัม (Flagellum) จึงเคลื่อนที่แบบลื่นไถล
บางชนิดสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น เช่น พืช สัตว์ และเชื้อรา

นอกนั้นส่วนใหญ่จัดอยู่ในอาณาจักร โปรติสตา (Protista Kingdom)
มีลักษณะคล้ายพืช เช่น สาหร่ายสีเขียว สาหร่ายสีน้ำตาล สาหร่ายสีแดง
และชนิดคล้ายสัตว์แบบโปรโตซัว เช่น พวกยูกลีนา และสาหร่ายเปลวไฟ
โดยมีโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ด้วย แฟลกเจลลัม (Flagellum)
เป็นเส้นคล้ายแส้โบกพัด จำนวนเส้นขึ้นอยู่แต่ละชนิด แต่บางชนิดก็ไม่มี

สาหร่ายเซลล์เดียวส่วนมากจะดำรงชีวิตแบบยึดเกาะ
มักเกาะติดตามพืชอื่น ๆ หรือบริเวณพื้นโขดหินเป็นกลุ่มหนาทึบ
ส่วนสาหร่ายที่ลอยอยู่ในน้ำ จะเรียกว่า แพลงก์ตอนพืช (Phytoplankton)
ได้แก่ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน สาหร่ายสีเขียว และ ไดอะตอม
จะล่องลอยอยู่ในน้ำ ไหลไปตามกระแสน้ำ และคลื่นลมจะพัดพาไป

สาหร่ายเซลล์เดียว หรือ ตะไคร่น้ำ มีทั่วไปในน้ำจืด น้ำทะเล น้ำกร่อย
และก็สามารถขึ้นได้บนบก ถ้ามีแสง และความชื้น
หรือแม้ในหิมะ และบ่อน้ำพุร้อน บางชนิดก็ยังสามารถขึ้นได้ด้วย
แต่ทว่าเมื่อใดบริเวณนั้นไม่มีน้ำ หรือความชื้นเป็นเวลายาวนานแล้ว
ตะไคร่น้ำจะค่อย ๆ แห้งตายหลุดลอกเป็นแผ่น ๆ ไปในที่สุด

มักเห็นคราบตะไคร่น้ำที่แห้งตาย บริเวณข้างขอบบ่อน้ำในฤดูแล้ง
ระดับน้ำที่เคยสูงถึงตัวตะไคร่น้ำที่เกาะข้างบ่อ ได้ลดลงเป็นเวลานาน
บางแหล่งน้ำอาจต้องรอเป็นปี กว่าที่ระดับน้ำจะกลับมาที่เดิม
ตะไคร่น้ำจึงขาดน้ำ ที่เป็นปัจจัยใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง
ย่อมไม่สามารถเกิดพลังงานเพื่อในการดำรงชีวิตได้ต่อไป

หากลองมาเปรียบเทียบชีวิตของ ตะไคร่น้ำ กับ ชีวิตคน
ตะไคร่น้ำ จะคล้าย ความใคร่อยาก, อยากมี อยากได้ อยากเป็น
และถ้า น้ำ คือ ชีวิต, ชีวิตคนในโลกความจริง ที่ต้องดำรงอยู่ได้ด้วยเงิน
ตะไคร่น้ำ จะมีชีวิตอยู่ได้ จะต้องใช้น้ำมาเพื่อสังเคราะห์แสง
ความใคร่อยาก จะถูกตอบสนองต่อไป จากเงินที่ใช้สังเคราะห์ความสุข

เมื่อใดที่ระดับน้ำของชีวิต ลดลงไม่หวนคืนดั่งเดิมเป็นเวลานาน
ไม่ต่างอะไรกับตะไคร่น้ำ ที่เกาะติดตามข้างขอบบ่อรอวันตาย
น่าเสียดายที่ ความใคร่อยาก ของคนไม่ได้ตายกันง่าย ๆ
ความใคร่อยาก ที่จมไม่ลง จะดิ้นตายอย่างทุกข์ทรมาน
จะไม่มีความสุขเกิดขึ้น เพราะชีวิตจำเป็นต้องใช้เงิน

แต่จะมีตะไคร่น้ำที่ทำตัวเป็นอย่าง แพลงก์ตอนพืช
ไม่ว่าระดับของน้ำจะลดลงต่ำเตี้ยสักเพียงใด
จะยังคงลอย ไม่ยึดเกาะติด กับขอบชีวิตที่อยู่สูง
ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำภายใต้ระดับของเงิน
ความสุขยังคงเกิดได้ จากการมีเงินใช้เท่าที่มี

ตราบใดที่ชีวิตของคนเรา ยังคงต้องมีความใคร่อยาก
ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร ถ้าใจยังยึดติดกับสิ่งที่สูงเกิน

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

15 ส.ค. 2554

รักแท้ไขลาน



"รักแท้ต้องคอยไขลาน แต่รักใส่ถ่านต้องซื้อถ่านใส่"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

12 ส.ค. 2554

รักของแม่



"เกิดมามีแม่ได้เพียงแค่คนเดียว อย่ามัวเที่ยวหารักเพียว ๆ จากคนไม่ใช่แม่"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

10 ส.ค. 2554

ความเชื่อและความรัก



"มนุษย์ทำได้ทุกสิ่งด้วย..ความเชื่อและความรัก แต่ก็มักทำบางสิ่งโดยเชื่อว่า..นั่นอาจคือความรัก"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

2 ส.ค. 2554

ความรักเติมเงิน



"ก่อนจดทะเบียนสมรส ควรดูวันหมดอายุที่ข้างกล่อง และอย่าลองใช้ของแจกฟรี"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

1 ส.ค. 2554

ปลายอุโมงค์



"สิ้นสุดปลายอุโมงค์คือแสงสว่าง สิ้นสุดการเดินทางคือการเริ่มต้น"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

28 ก.ค. 2554

ขอทานความรัก



"การขอความรักจากผู้อื่นโดยไม่ทำสิ่งใด ไม่ต่างอะไรกับการเป็นขอทาน"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

27 ก.ค. 2554

เงาของเรา



"ทุกครั้งที่มองเห็น ‘เงา’ หมายความว่า.. เรายังมีตัวตน"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

28 มิ.ย. 2554

สัจธรรมจากตู้หนังสือกับแรงเสียดทาน



อยู่เฉยๆ บางทีก็อยากจะจัดห้องใหม่ ให้แปลกตาน่าอาศัย
แต่งานใหญ่ คือ การย้ายตู้หนังสือที่มีหนังสือจำนวนมากมาย
ต้องออกแรงผลักไสตู้หนังสือที่แสนหนัก ให้เคลื่อนย้ายไปไว้ที่มุมห้อง
ไม่ว่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด แต่สุขใจที่ได้เห็นห้องนั้นดูสวยงามตา

ทว่าตู้หนังสือใบถัดไป ขนาดใหญ่โตและหนักยิ่งกว่าตู้ใบก่อนหน้านี้
ออกแรงหลายสิบที ทั้งผลักทั้งดัน แต่ตู้มันแทบไม่ขยับเขยื้อนไป
ยิ่งออกแรงมากสักเท่าใด ยิ่งเหมือนมีแรงมาต้านทานไว้มากเท่านั้น
พยายามดันให้สุดแรงเกิด ตู้จึงเริ่มเคลื่อนได้ แต่แล้วก็หยุดนิ่งลง

ความเหนื่อยและความท้อ เริ่มจ้องมองที่ตู้หนังสือใบใหญ่ยักษ์
กลายเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ที่จะเคลื่อนย้ายตู้ใบใหญ่ ให้ไปไว้ยังที่ต้องการ
มันมีแรงต้านทานอะไรสักอย่างที่มาคอยหักล้างแรงผลักทุกครั้งไป
แรงต้านทานทิศตรงข้ามกับแรงผลักนั้นไซร้ เรียกว่า "แรงเสียดทาน"

เป็นแรงต่อต้านการเคลื่อนที่ของผิววัตถุกับผิวพื้น ที่แตะสัมผัสกัน
แรงเสียดทานนั้น จะเกิดในทิศตรงข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุ
เมื่อมีแรงกระทำต่อวัตถุ แต่วัตถุยังไม่เคลื่อนที่ (อยู่นิ่ง) จะเกิดแรงเสียดทานสถิต
แรงเสียดทานสถิตจะเท่ากับแรงที่มากระทำ มีค่าสูงสุดเมื่อวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่

เมื่อวัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวหรือมีความเร่ง จะเกิดแรงเสียดทานจลน์
แรงเสียดทานจลน์มีค่าต่ำกว่าแรงเสียดทานสถิตเพียงเล็กน้อย
แรงเสียดทานจะมีน้อย หากน้ำหนักแรงกดของวัตถุมีไม่มาก
ผิวสัมผัสที่หยาบและสาก จะมีแรงเสียดทานมากกว่าผิวสัมผัสที่เรียบลื่น

จะเห็นว่า ถ้าอยากให้ความเสียดทานระหว่างตู้หนังสือกับผิวพื้นนั้นลดลง
คงต้องชโลมน้ำมันหล่อลื่นที่ผิวสัมผัสระหว่างพื้นกับตู้หนังสือ
หรืออาจขนถ่ายกองหนังสือออกจากตู้ เพื่อให้น้ำหนักของตู้นั้นเบาลงไป
จะทำให้เคลื่อนย้ายตู้หนังสือใบใหญ่ยักษ์ได้อย่างง่ายดาย

หากนำมาเปรียบเทียบกับคนรอบข้าง ก็เหมือนกับตู้หนังสือใบใหญ่
ที่อยากจะเคลื่อนย้ายคนอื่นให้เป็น หรือทำในสิ่งที่ใจฉันต้องการ
แต่ย่อมมีแรงเสียดทาน ที่มาต่อต้านความต้องการของฉันนี้ทุกครั้งไป
อยากเอาชนะให้ได้ดั่งใจ จะต้องใช้แรงบังคับอย่างมาก เพื่อข้ามผ่านแรงเสียดทาน

แรงเสียดทานจึงไม่ต่างอะไรกับความทุกข์ ที่ยิ่งออกแรงอยาก ก็ยิ่งมีทุกข์
วิธีลดความทุกข์ คงต้องพยายามลดค่าของแรงเสียดทาน
วาจาหวานที่จริงใจ คือ การใช้น้ำมันหล่อลื่นเพื่อลดแรงเสียดทาน
และช่วยหารตัวตนสลายอัตตา ออกจากสิ่งที่เขาบรรทุกไว้ในใจให้เบาลง

ถึงกระนั้นก็เป็นแค่การลดแรงเสียดทานให้น้อยลง แต่ยังคงมีแรงต้านอยู่ในใจ
การเปลี่ยนใจใครบางคน บางทีอาจยากกว่าการเปลี่ยนโลกทั้งใบเป็นหนักหนา
จำไว้ว่า หากวัตถุไม่มีแรงมากระทำ แรงเสียดทานจะมีค่าเป็นศูนย์
และเมื่อความอยากเท่ากับศูนย์ ความทุกข์จากแรงเสียดทานย่อมไม่เกิดขึ้น

หมายความว่า ถ้าตู้หนังสือมันใหญ่เกินกว่ากำลังจะเคลื่อนย้ายได้
ให้ปล่อยวางไว้อยู่อย่างนั้นเฉยๆ เมื่อ "วางเฉย" โดยไม่อยาก ทุกข์จะไม่มีมา

(บทความนี้ อ้างอิงจากกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุหนึ่งพยายามเคลื่อนที่ หรือกำลังเคลื่อนที่บนพื้นผิวของอีกวัตถุหนึ่ง ในลักษณะที่ผิวของวัตถุทั้งสองแตะสัมผัสกัน ไม่ได้หมายถึงแรงประเภทอื่นๆ ที่ยังไม่มีข้อสรุปยืนยันทางวิทยาศาสตร์)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

22 มิ.ย. 2554

Planking of Emotion



"การตายที่ยังไม่ได้ตาย คือ Planking ของอารมณ์ในจิตใจ ที่ไร้ความรู้สึกในลมหายใจ"

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

10 มิ.ย. 2554

สัจธรรมจากนาฬิกาทราย



‘นาฬิกาทราย’ มีมานานตั้งแต่สมัยโบราณ
เชื่อว่าถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 8
แต่ทว่าประวัติศาสตร์ที่มายังไม่ชัดเจน
จากหลักฐานพบว่ามีใช้แพร่หลายในยุโรป
ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา

นาฬิกาทรายใช้จับเวลาด้วยเม็ดทรายละเอียด
ไหลผ่านคอคอดเล็กๆ กึ่งกลางของขวดแก้ว
ไหลลงมากองที่ก้นจนหมด จึงนับเป็นหนึ่งเวลา
หนึ่งช่วงเวลาจะขึ้นอยู่กับจำนวนทรายในขวดแก้ว
ส่วนมากจะใช้จับเวลาหน่วยวัดเป็น 1 ชั่วโมง

นาฬิกาทราย ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องบอกเวลา
แต่ใช้เป็นเสมือนตัวแทนสัญลักษณ์ของเวลา
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สากลที่เกี่ยวข้องกับเวลา
และสัญลักษณ์นาฬิกาทราย ยังหมายถึง “เวลาแห่งชีวิต”
อนาคตที่ไหลเป็นอดีต โดยมีปัจจุบันอยู่ระหว่างกลาง

หากเปรียบนาฬิกาทรายเป็นเหมือนกับชีวิตคน
เหตุการณ์อนาคต คือ เม็ดทรายนับไม่ถ้วนที่ผสมปนเปกัน
อัดแน่นเบียดเสียด อลวนโกลาหลที่บริเวณช่องของคอคอด
รอการไหลผ่านรูช่องแคบแห่งปัจจุบันเพื่อร้อยเรียงเรื่องราว
เป็นเส้นสายไหลตกลงไปนอนก้น สู่อดีตของวันวาน

แต่สิ่งที่มักถูกมองข้าม นอกจากเรื่องเวลาของนาฬิกาทราย
คือ ตรงกึ่งกลางของขวดแก้ว ที่เหมือนสองกรวยปลายต่อติดกัน
ที่บีบรัดกองทรายให้ลาดเอียง ไหลเทลงผ่านรูช่องแคบที่คอคอด
ประหนึ่งว่าขวดแก้วต้องการมุ่งจุดสนใจที่จะขวางกั้นกองทราย
เพื่อจัดเรียงเม็ดทรายให้ไหลผ่านรูช่องแคบอย่างเป็นระเบียบนั่นเอง

เฉกเช่นการตั้งใจทำเหตุการณ์ปัจจุบันตรงหน้าให้ดี
ไม่ว่าเหตุการณ์อนาคตจะมีมามากมายขนาดไหนก็ตาม
เหตุการณ์ทุกอย่างนั้น จะต้องถูกบีบอัดให้เป็นเรื่องราวเพียงหนึ่งเดียว
เมื่อใดที่จิตใจมุ่งความสนใจจดจ่อกับเหตุการณ์ ณ เวลาปัจจุบัน
เมื่อนั้นก็คือ การตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทนั่นเอง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

5 มิ.ย. 2554

แจกันโบราณ

กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้
มีพี่น้องวัยซนสองคน วิ่งเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน
ในสนามหลังบ้านที่ใหญ่โตราวกับสวนสนุก
แต่ก็เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของสะสมโบราณมากมาย
ที่ผ่านการเก็บสะสมอย่างทะนุถนอมของผู้เป็นเจ้าบ้านตั้งเรียงรายอยู่

วันหนึ่ง เด็กที่เป็นผู้น้องได้วิ่งเล่นสนุกซุกซนเช่นทุกวัน
แต่ทว่าเกิดสะดุดเท้าตนเองล้มไปทับแจกันโบราณที่ตั้งไว้ริมทางเดิน
แจกันโบราณที่อายุนานกว่าช่วงชีวิตคนได้ตกลงมาแตกกระจาย
ความพยายามเก็บรักษาในแจกันโบราณใบนี้ได้จบสิ้นในทันที
เหลือเพียงกองเศษซากแจกันที่ไม่มีค่าใดๆ เหลืออีกเลย

ไม่กี่นาทีหลังสิ้นสุดเสียงแจกันโบราณแตกนั้น
ผู้เป็นแม่ได้เดินเข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุด้วยใจกังวล
ยังไม่ทันได้เห็นภาพใดๆ ก็มีเสียงเรียกตะโกนสวนออกมา

"แม่ๆ ดูสิ! น้องมันทำแจกันแตก! น้องทำแจกันแตก! น้องเป็นคนทำแตก!!!"

และแล้วแม่ก็ได้เห็นภาพเด็กผู้ชายกำลังนั่งทับบนกองซากแจกันที่แตกกระจายอยู่

"แม่ๆ น้องมันทำแจกันแตก! ทำแจกันของพ่อแตก พ่อต้องโกรธพวกเราแน่ๆ"

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของเด็กผู้เป็นพี่ที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
แม่ก็ได้ลงมือทำโทษเฆียนตีเด็กผู้เป็นน้องในทันที
ด้วยความโกรธและโมโหที่แจกันโบราณอันมีค่าของพ่อแตก
โดยที่ไม่ฟังคำอธิบายของเด็กที่ได้กระทำผิดนั้นแต่อย่างใด

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป
ไม่มีใครได้ยินเสียงหรือเห็นพี่น้องสองคนวิ่งเล่นด้วยกันอีกเลย
เพราะสิ่งที่ได้แตกไปนั้น...
มีค่ามากกว่าแจกันโบราณเสียอีก

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

30 พ.ค. 2554

ความหมายของ Present Simple Tense

Present Simple Tense = ของขวัญ(present) สิ่งเดียว(simple) กาลเวลา(tense)
ของขวัญที่เป็นสิ่งเดียวจากกาลเวลา นั่นคือ ปัจจุบัน

หมายความว่า ปัจจุบันขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เราได้รับ
เป็นของขวัญที่อยู่กับตัวเราตลอดช่วงเวลาของชีวิต
เป็นปัจจุบันขณะที่ไม่มีองค์ประกอบแยกย่อยใดอีก
นอกจากเสี้ยวของวินาทีขณะนั้นที่ประจักษ์แก่ตัวเรา

อดีตหรืออนาคตเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่ไม่เคยมีจริง
ไม่มีผู้ใดที่มีตัวตนจริงที่กำลังอยู่ ณ อดีตหรืออนาคตได้
นอกจากสิ่งเดียวที่มีตัวตนอยู่จริงได้นั้น คือ ปัจจุบันขณะนี้
จึงเสมือนการเปิดดูของขวัญชิ้นเดียวที่ได้จากกาลเวลา

มนุษย์มักตกอยู่ภายใต้ภาพความทรงจำและภาพฝัน
เหตุการณ์ปัจจุบันจะถูกบันทึกเป็นภาพอดีตในความทรงจำ
และการคาดหวังของจินตนาการที่ใฝ่ฝันถึงอนาคตข้างหน้า
ที่คาดเดาว่าเหตุการณ์ของอนาคตนั้นจะเป็นเช่นไร

เมื่อใดที่จิตใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันในขณะนี้
ชีวิตก็เหมือนได้หลงทางเตลิดเปิดเปิงไปไกลไร้จุดหมาย
หวาดกลัวอนาคต ลุ่มหลงอดีต ตามหาความจริงไม่เจอ
ทั้งๆ ที่ สิ่งที่ต้องกระทำ ก็คือ อยู่กับปัจจุบันขณะนี้

ประธาน + กริยา + (กรรม) นั่นคือรูปแบบการกระทำ
เมื่อใดที่กริยาการกระทำไม่ได้บ่งบอกถึงเวลาปัจจุบัน
เมื่อนั้นชีวิตจักได้ชื่อว่า กำลังล่องลอย ขาดสติการระลึกรู้
หากมีสติจะเกิดปัญญาที่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ปัจจุบัน

สติ นั้นไม่เคยสถิตอยู่ที่อดีตหรืออนาคต
สติ จะมีได้ ถ้าหาปัจจุบันให้เจอ

(งานเขียนนี้เป็นการยกตัวอย่างเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

28 พ.ค. 2554

ธนาคารเวลา

เวลาเป็นสิ่งมีค่า
แลกเปลี่ยนเป็นเงินเป็นทองได้
แต่ไม่มีธนาคาร ณ แห่งใดบนโลกใบนี้
ที่ยอมรับฝากวันเวลา แล้วถอนออกมาใช้ได้

นั้นหมายความว่า
เมื่อใดที่วันเวลาผ่านเลยไป
มูลค่าของเวลาจะไม่มีเหลืออยู่เลย
จึงไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก

เมื่อใดที่เวลาผ่านไปเป็นอดีต
มันได้กลายเป็นศูนย์
เป็นความว่างเปล่าที่ไม่มีค่าอีกเลย
จึงไม่มีธนาคารใดจะเก็บรักษามูลค่าของเวลาไว้ได้

เวลาในอนาคตก็เช่นกัน
ไม่มีธนาคารไหนที่ให้สินเชื่อปล่อยกู้วันเวลา
เพราะว่าธนาคารจะไปหาเวลาจากไหนมาปล่อยกู้
และแน่ใจได้อย่างไรว่า วันเวลาข้างหน้าจะมาถึงจริง

ดังนั้นเวลาจึงมีค่าได้แค่ที่ปัจจุบัน
อยู่กับปัจจุบันทำวันนี้ให้ดีที่สุด
นั้นคือการเปลี่ยนเวลาอันมีค่า
ฝากไว้เป็นความทรงจำที่ดีตลอดไป

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

9 พ.ค. 2554

สัจธรรมจากแสงสีกับการมองเห็น



ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ บนโลกที่สวยงาม
สามารถรับรู้ได้ด้วยการมองเห็นจากแสง
แสงจะสะท้อนสิ่งเหล่านั้นวิ่งตรงเข้าสู่ดวงตา
เซลล์ในจอตาส่งสัญญาณไปสร้างภาพที่สมอง

ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง คือสีสัน
เกิดจากการสะท้อนแสงสีของวัตถุที่มีสีนั้นๆ ออกมา
แล้วดูดกลืนแสงสีอื่นๆ ไว้ ส่วนวัตถุสีดำจะดูดกลืนทุกแสงสี
สีเหล่านี้ คือ สายรุ้งที่รวมตัวเป็นสเปกตรัมของคลื่นแสงสีขาว

คลื่นแสงสีขาว เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าช่วงความถี่ที่มองเห็นได้
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีหลายช่วงความถี่ มีลักษณะเฉพาะตัว
ตั้งแต่ความถี่ต่ำไปยังความถี่สูง ได้แก่ คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ
อินฟราเรด คลื่นแสงสีขาว อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา

คลื่นทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นอนุภาคพลังงานที่ไม่มีมวลไม่มีน้ำหนัก
เดินทางด้วยความเร็วแสง ที่ 3 แสนกิโลเมตรต่อวินาทีในสูญญากาศ
โดยระดับพลังงานขึ้นอยู่กับช่วงความถี่ ยิ่งความถี่สูง ยิ่งมีพลังงานมาก
ทุกช่วงความถี่ที่ต่อเนื่องกัน เรียกรวมว่า สเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จึงเป็นแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ยกเว้น ช่วงความถี่คลื่นแสงสีขาวที่ธรรมชาติสร้างดวงตาให้รับรู้
แต่ก็มีสัตว์หลายชนิดมีดวงตาที่มองเห็นช่วงความถี่แสงอินฟราเรด
และสัตว์บางชนิดก็สามารถมองเห็นช่วงความถี่แสงอัลตราไวโอเลตได้

หากธรรมชาติยอมให้สามารถมองเห็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ทั้งหมด
สัญญาณภาพอันมหาศาลมากมายจะส่งไปที่สมองอย่างล้นเหลือ
สิ่งที่มองไม่เห็นจะถูกมองเห็นแล้วภาพที่เห็นคงสับสนจนประสาทหลอน
ด้วยเหตุผลนี้ก็เพียงพอ ที่จะให้มองเห็นภาพแค่เพียงจากคลื่นแสงสีขาว

แต่ทว่า ภาพจากคลื่นแสงสีขาวที่ดวงตามองเห็นได้นั้น
มักสะท้อนแค่ภาพภายนอกของวัตถุ หากวัตถุนั้นทึบแสง
ไม่สามารถมองทะลุถึงเนื้อในวัตถุได้อย่างรังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา
จึงเป็นการยากที่จะรับรู้ว่าข้างในเนื้อวัตถุนั้นแท้จริงเป็นอย่างไร

การมองเห็นของคนเรา จึงมักมองเห็นแค่ภาพภายนอกของสิ่งต่างๆ
แค่คลื่นความร้อนอินฟราเรดที่มาจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เรายังมองไม่เห็น
สายตาที่มีข้อจำกัดจึงไม่สามารถเห็นสิ่งใดที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ภายใน
เราจึงมักตัดสินสิ่งต่างๆ จากภาพภายนอกที่เห็นเป็นอันดับแรก

คนดีมักกลับถูกมองว่าร้าย คนร้ายมักกลับถูกมองว่าดี
หลายครั้งที่เราตัดสินคนอื่นเพียงแค่ภาพภายนอกที่มองเห็น
เพราะแค่แต่งตัวดี ดูมีฐานะ แต่อาจแอบซ่อนอาวุธไว้ภายในก็ได้
และผลร้ายอาจเกิดจากการตัดสินแค่ภาพที่เห็นจากภายนอก

คนเราจึงไม่ควรมองคนอื่นแค่เพียงภายนอกในครั้งแรกที่พบเจอ
แต่จงมองลึกลงไปที่เนื้อแท้จากการกระทำ ภาพต่อเนื่อง ต้องดูให้นานๆ

(บทความนี้ อ้างอิงจากแสงที่ได้ค้นพบและยืนยันว่ามีอยู่จริงทางวิทยาศาสตร์ และการรับรู้ผ่านทางดวงตาเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงแสงประเภทอื่นๆ ที่ยังไม่มีข้อสรุปยืนยันทางวิทยาศาสตร์ หรือการรับรู้ผ่านสัมผัสทางอื่น)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

6 พ.ค. 2554

ขอบฟ้าที่สดใส

ชีวิตไม่มีวันพบกับขอบฟ้าที่สดใส ตราบใดที่ยังคงก้มหน้าเดินตามชะตากรรม

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

5 พ.ค. 2554

ภาษาความหมายวิบัติวันละคำ: ทำลาย

สวัสดี ท่านผู้ชม วันนี้ รายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำ ขอเสนอคำว่า "ทำลาย" อ่านว่า ทำ-ลาย ชนิดคํากริยา หมายถึง อาการที่ทำให้สิ่งซึ่งเป็นพื้นผิวหรือสิ่งนั้นเกิดลาย ทำให้พื้นผิวเดิมหมดสิ้นไป เปลี่ยนเป็นลวดลายใหม่ไปตามที่ผู้ทำลายต้องการ ทำลายเป็นมุขเหี่ยวๆ ขำคนเดียว ผู้ฟังไม่ขำไม่เป็นไร ขอให้ได้พูดออกไปก็มีความสุขแล้ว

ตัวอย่างเช่น
สมศรี: "รู้ไหม นิสัยของนายมืด เวลาโมโหร้าย ชอบทำลายข้าวของ"
สมทรง: "เฮ้ย...เสียดายข้าวของที่ต้องถูกทำลายจังเลย แสดงว่านายมืดเป็นคนไม่ดีแน่ๆ"
สมศรี: "ไม่ใช่ นายมืดเป็นคนดีมากๆ หลังจากโมโห ข้าวของจะเต็มไปด้วยลายสวยๆ ทั้งนั้น เช่น ลายกนก วิจิตรมากๆ เลย"
สมทรง: "......."

พบกับรายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำได้ใหม่ในเวลาใกล้เคียงกันนี้ สวัสดี

(งานเขียนนี้เป็นการรวบรวมคำศัพท์ในภาษาที่มีการใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในเชิงความหมายที่แตกต่าง ไม่ได้บัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่ เพียงแต่นำมาเปรียบเทียบเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

4 พ.ค. 2554

สัจธรรมจากเครื่องบิน



เครื่องบินทะยานขึ้นบินสู่ท้องฟ้า
บินอยู่เหนือนภาอิสระกลางเวหา
เป็นความฝันของมนุษย์มานานว่า
จะโบยบินบนท้องฟ้าไกลแสนไกล

แต่ทว่าไม่มีเครื่องบินลำใด
บินอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่ลงพื้น
ต่อให้บินได้นานสักเพียงใด
ต้องมีวันลงสู่พื้นกลับมาระดับเดิม

ดั่งคำที่ว่า 'สูงสุดคืนสู่สามัญ'
หรือ 'Back to the Basic'
ความจริงที่ไม่อาจบินหนีไป
ชีวิตคนก็เป็นดั่งเช่นเครื่องบิน

หากเครื่องบินต้องลงสู่พื้น
มีสองทางที่ให้เลือกวิธีลง
'Landing' หรือ 'Falling'
'ร่อนลง' หรือ 'ร่วงลง' กลับสู่ดิน

ชีวิตที่รุ่งโรจน์ลอยสูงจากความจริง
ไม่นานต้องมีสักวันที่หวนกลับลงมา
แต่สำคัญที่ว่า 'ยอมรับ' และ 'พร้อมรับ'
กับการลงสู่พื้นของชีวิตไว้แล้วหรือยัง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

ภาษาความหมายวิบัติวันละคำ: แอบถ่าย



สวัสดี ท่านผู้ชม วันนี้ รายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำ ขอเสนอคำว่า "แอบถ่าย" อ่านว่า แอบ-ถ่าย ชนิดคํากริยา หมายถึง อาการหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อกระทำการโยกย้ายถ่ายเทจากที่หนึ่งไปใส่อีกที่หนึ่งอย่างซ่อนเร้น แอบถ่ายเป็นมุขเหี่ยวๆ ขำคนเดียว ผู้ฟังไม่ขำไม่เป็นไร ขอให้ได้พูดออกไปก็มีความสุขแล้ว

ตัวอย่างเช่น
เหยื่อผู้โชคร้าย: "เมื่อวานชั้นโดนพวกมันมาแอบถ่ายอีกแล้วหล่ะ!"
เพื่อนของเหยื่อ: "อะไรนะ เธอโดนแอบถ่าย! ต้องแจ้งตำรวจจับพวกมันเลย ปล่อยไว้ไม่ได้ อย่าอาย!"
เหยื่อผู้โชคร้าย: "ตำรวจคงไม่สนใจเรื่องแอบถ่ายหรอก ก็แค่พวกสุนัขจรจัดมาแอบถ่ายอุจจาระไว้ที่หน้าบ้านเอง"
เพื่อนของเหยื่อ: "......."

พบกับรายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำได้ใหม่ในเวลาใกล้เคียงกันนี้ สวัสดี

(งานเขียนนี้เป็นการรวบรวมคำศัพท์ในภาษาที่มีการใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในเชิงความหมายที่แตกต่าง ไม่ได้บัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่ เพียงแต่นำมาเปรียบเทียบเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

3 พ.ค. 2554

ภาษาความหมายวิบัติวันละคำ: อาหารว่าง



สวัสดี ท่านผู้ชม วันนี้ รายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำ ขอเสนอคำว่า "อาหารว่าง" อ่านว่า อา-หาน-ว่าง ชนิดคำนาม หมายถึง อาหารที่ว่างเปล่า ยังไม่เต็ม ยังไม่มี เป็นอาหารที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน แต่มีอยู่จริงในความคิดของผู้พูดหรือผู้ใช้ หรือจะหมายความว่า อาหารที่ไม่ยุ่ง ไม่มีธุระ ก็ได้ อาหารว่างเป็นมุขเหี่ยวๆ ขำคนเดียว ผู้ฟังไม่ขำไม่เป็นไร ขอให้ได้พูดออกไปก็มีความสุขแล้ว

ตัวอย่างเช่น
บ๋อย: "นี่คือชุดอาหารว่างที่ทางร้านแถมให้ครับ"
ลูกค้า: "ไม่เห็นมีอาหารอะไรเลย มีแต่จานว่างเปล่า"
บ๋อย: "ใช่ครับ เพราะมันคือ อาหารว่าง ไงครับ"
ลูกค้า: "......."

พบกับรายการภาษาความหมายวิบัติวันละคำได้ใหม่ในเวลาใกล้เคียงกันนี้ สวัสดี

(งานเขียนนี้เป็นการรวบรวมคำศัพท์ในภาษาที่มีการใช้กันแพร่หลายอยู่แล้วในเชิงความหมายที่แตกต่าง ไม่ได้บัญญัติศัพท์ขึ้นใหม่ เพียงแต่นำมาเปรียบเทียบเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

รายงานจราจร

รายงานสภาพการจราจร แยกการงานเคลื่อนตัวช้า มุ่งหน้าการเงินมีหนี้สะสม ด่านความสุขยังใช้การได้ดี อุบัติเหตุรักที่หัวใจ โปรดหลีกเลี่ยงรัก 3 เส้า

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

1 พ.ค. 2554

กล่องความคิดเห็น

ลูกเป็นอย่างไร สะท้อนถึงพ่อแม่เป็นอย่างนั้น
บ่าวเป็นอย่างไร สะท้อนถึงนายเป็นอย่างนั้น
ผู้ตามเป็นอย่างไร สะท้อนถึงผู้นำเป็นอย่างนั้น
อย่าไปคาดหวังอะไรกับกล่องความคิดเห็น
มันมีไว้ให้ตายใจว่า พวกเขาคงจะเปลี่ยนแปลง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

29 เม.ย. 2554

Money [มัน-หนี้]

Money [มัน-หนี้] (นาม+กรรม) แปล: มันทำให้เป็นหนี้, มันคือหนี้
Sample: I have no money (ฉันไม่มีมัน เลยต้องมีหนี้)
Synonym: Mini [มี-หนี้] แปล: มีนิดเดียวแต่มีหนี้เยอะ, กูกู้
Antonym: Shiny [ใช้-หนี้] แปล: ผ่องใสเมื่อได้ใช้หนี้ เจ้าหนี้และลูกหนี้ต่างปิติผ่องใส

(งานเขียนนี้เป็นการเปรียบเทียบเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

27 เม.ย. 2554

ที่กลับรถ



ที่กลับรถข้างหน้าอีกไม่ไกล แต่ที่กลับตัวกลับใจ ไปไกลถึงไหนยังหาไม่เจอ เผลอๆ อยู่ที่ตนเอง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 27 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

25 เม.ย. 2554

สมองช่วงล่าง

ผู้ชายมักคิดว่าตนเองเก่งกว่าผู้หญิง เพียงแค่มีสมองที่ช่วงล่าง 2 ซีกเล็กๆ เกินมาเท่านั้นเอง

(งานเขียนนี้เป็นการเปรียบเทียบเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

คิดนอกกรอบ กับ คิดนอกคอก

คิดนอกกรอบ กับ คิดนอกคอก ต่างกันที่การสร้างสรรค์ และการยอมรับจากคนข้างใน ความคิดนอกกรอบใดไปขยายคอกกั้น ความคิดนั้นจะได้รับการยอมรับ มากกว่าความคิดที่เป็นอิสระหลุดจากคอกกั้นเพียงผู้เดียว

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

พายุฝน

ฝนกำลังตกหนัก แต่สักพักฝนนั้นต้องจากไป ไม่มีใครต้องอยู่ใต้พายุฝนนานนับปี อย่างน้อย 1 นาทีที่มีเว้น

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

24 เม.ย. 2554

สิ่งดีๆ

หลายครั้งที่เรื่องราวสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเรามากมาย แต่เรากลับไม่เคยมองเห็นมัน เรื่องราวสิ่งดีนั้นๆ จึงเป็นได้แค่เพียงสายลมที่พัดผ่านเราไป ทั้งๆ ที่เราพยายามตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอคอยสายลมนั้น สายลมที่เราคิดว่า…ต้องเป็นสายลมที่มองเห็นได้

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

22 เม.ย. 2554

คนเป็นกลาง

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่แปลก ถ้ามีเพื่อน 2 คนในกลุ่ม เกิดทะเลาะกัน เพื่อนคนที่เหลือจะต้องคิดทันทีว่า จะเลือกอยู่กับฝ่ายไหนดี ส่วนใครบอกว่าเป็นกลางหรือไม่ขอยุ่งเกี่ยว มักยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ เท่านั้นเอง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

19 เม.ย. 2554

ฝนตกขี้มูกไหล คนไม่สบายจามใส่กัน

"ฝนตกขี้มูกไหล คนไม่สบายจามใส่กัน" หมายถึง ความท้อแท้ หดหู่ สิ้นหวัง ไม่สบายใจ ตื่นตระหนก วิตกกังวล มองโลกในแง่ร้าย และหวาดกลัว เป็นเสมือนโรคติดต่อ จากคนสู่คน เมื่อคนมาอยู่รวมกัน พลอยจะติดเชื้อโรคนั้น ระบายไปทั่วอย่างรวดเร็ว

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 19 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

15 เม.ย. 2554

Journey of life




ชีวิตเดินทางไปข้างหน้า วันวานจะจางจากความทรงจำ ดั่งคลื่นน้ำทะเลที่เลือนหายไป

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 15 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

14 เม.ย. 2554

น้ำร้อนน้ำเย็น

น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
แต่ถ้าน้ำลาย คนตายได้ทั้งเป็น
ไม่ว่าน้ำลายนั้น จะร้อนหรือเย็น
คนเป็นหรือตาย อยู่ที่หยดน้ำลาย

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

13 เม.ย. 2554

จองจำขังเดี่ยว

หากชีวิตต้องถูกจองจำ โปรดนำไปขังเดี่ยวในใจเธอ แต่อย่าเผลอขังรวม

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 13 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

11 เม.ย. 2554

สมบูรณ์แบบ

สมบูรณ์แบบ ไม่ได้หมายความว่าต้องมีครบทุกอย่าง เพียงแค่บางสิ่งบางอย่างรวมกันได้อย่างลงตัว เท่านั้นเอง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

8 เม.ย. 2554

สัจธรรมจากวงจรชีวิตแมลงปอ



แมลงปอ เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีมาก่อนยุคไดโนเสาร์ ในบรรดาแมลงด้วยกัน แมลงปอถือเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เพราะกินแมลงแทบทุกชนิดเป็นอาหาร ด้วยการจู่โจมเหยื่ออย่างรวดเร็วและเงียบกริบ แมลงปอจึงเสมือนเป็น "นักล่ากลางเวหา" แมลงปอมีวงจรชีวิตหลักๆ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ระยะเป็นไข่ ระยะเป็นตัวโม่ง และระยะโตเต็มวัย

หากนำช่วงระยะชีวิตของแมลงปอ มาเปรียบเทียบกับช่วงชีวิตของมนุษย์ ก็จะได้ดังนี้

- ช่วงเด็กทารก
เป็นช่วงที่ยังไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง

- ช่วงเรียนอนุบาล, ประถม
เป็นระยะชีวิตวัยเด็ก เต็มไปด้วยจินตนาการ เล่นสนุกกับเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบข้าง

- ช่วงเรียนมัธยม, มหาวิทยาลัย
ร่างกายเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ความรู้ก็เพิ่มขึ้นตาม ในใจเต็มไปด้วยไฟที่อยากตะลุยโลกกว้าง

- ช่วงจบการศึกษา
ช่วงเวลาแห่งการโผล่พ้นจากชีวิตการเรียน เพื่อเตรียมตัวผจญโลกแห่งความเป็นจริง

- ช่วงเริ่มทำงาน
ช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงลอกคราบทางความคิด ละทิ้งความฝันจินตนาการแบบเด็กๆ

- ช่วงซื้อรถ, ซื้อบ้าน
ทำงานเก็บเงินซื้อรถซื้อบ้านสร้างความมั่นคง แต่ก็อาจกลายเป็นการสร้างหนี้

- ช่วงท่องเที่ยว
เดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เก็บเกี่ยวความสุขเสมือนให้รางวัลชีวิตจากการทำงาน

- ช่วงแต่งงาน
ก็แค่เรื่องธรรมชาติ แต่ต้องประกาศให้โลกรู้ และมักดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างหนึ่ง

- ช่วงมีลูก
สืบทอดสายเลือด ดำรงสืบสกุลต่อไป ให้เกิดวงจรชีวิตใหม่ๆ หมุนไปเรื่อยๆ

แม้แต่สัตว์ตัวเล็กๆ อย่างแมลงปอ เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ก็ยังมีวงจรชีวิตไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ ทั้งๆ ที่มนุษย์มีสมองและความคิดมากกว่าหลายเท่า ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามวิวัฒนาการอย่างไร ค้นคิดสิ่งใดก็ตาม สุดท้ายชีวิตมนุษย์ก็ยังอยู่ในขอบเขตของวงจรชีวิตที่ธรรมชาติที่ได้กำหนดไว้ ไม่ต่างอะไรกับแมลงปอ

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ทำไมคนเราถึงต้องพยายามทำทุกสิ่งในชีวิตให้มันยุ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ บางทีความสุขอาจแอบอยู่ที่ความเรียบง่าย...ก็ได้ (อย่างเช่นชีวิตแมลงปอ)

(งานเขียนนี้เป็นการยกตัวอย่างเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการ)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 8 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

4 เม.ย. 2554

รูปภาพของฉัน (My picture)




อนาคต เหมือน ภาพฝัน
ปัจจุบัน เหมือน วาดภาพ
วันวาน เหมือน ภาพถ่าย
สุดท้าย ก็แค่ ภาพลวงตา

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

30 มี.ค. 2554

สายลมแห่งความคิด




แม้แต่สายลมยังเปลี่ยนทิศ จะเอาอะไรกับความคิดของคนที่มักเปลี่ยนไป
ไม่มีความคิดใดยืนหยัดไม่เปลี่ยนแปลง เว้นแต่วนอยู่ทิศนั้นนานกว่าเท่านั้นเอง

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

25 มี.ค. 2554

รักรถแบบไหน ถึงไปได้นาน



(งานเขียนนี้เป็นการยกตัวอย่างเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือลบหลู่ต่อบุคคลหรือองค์กรอื่นใด หากเกิดข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)

ความรัก ก็เหมือน รถ ใช้เพื่อให้ชีวิตได้เดินทางไปถึงจุดหมายที่หวังไว้ แต่…

- ความรัก ไม่ใช่รถสปอร์ตหรู
มีไว้ให้คนอื่นดู แต่อยากบู๊บุกป่าขึ้นเขาลงห้วยก็ไม่ได้
- ความรัก ไม่ใช่รถแท็กซี่หรือรถเมล์โดยสาร
รับ-ส่งคนทั้งบาง แต่หาลงปลายทาง ไม่มีมาสักราย
- ความรัก ไม่ใช่รถไฟฟ้า
ต้องมาวิ่งสับราง แล้วชอบอ้าง จะรีบมาหานะเธอ อะไรก็ว่าไป
- ความรัก ไม่ใช่รถจักรยาน
โรแมนติกชวนให้ฝันหวาน แต่จะไปไหนกันนานนั้น คงไม่ได้ไกล
- ความรัก ไม่ใช่รถบรรทุก
อีกนิดจะถึงตอนสนุก วงศาคณาญาติบุก ความสุขหายไปทันใด
- ความรัก ไม่ใช่รถลิฟท์
ใกล้กันเหมือนตัวหนีบ อยากจะบีบก็แค่ช่วงจีบกัน หลังจากนั้นมันปล่อยวาง
- ความรัก ไม่ใช่รถสามล้อ
ประเดี๋ยวก็ยกล้อ บ่อยเกินพอ ขอพักก่อนจะได้ไหม
- ความรัก ไม่ใช่รถตู้
ดูดีมีเสน่ห์และเจ้าชู้ แต่อย่าให้รู้ คอยดูจะทำให้อยู่แบบไม่เหลือใคร
- ความรัก ไม่ใช่รถมือสอง
ทำอะไรไม่ได้คล่อง วันๆ คิดแต่จ้อง ว่าก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร
- ความรัก ไม่ใช่รถถัง
บางวันมันน่าชิงชัง ยิงกันให้พังไปข้างหนึ่ง ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

แต่กระนั้น ความรัก ก็ยังเป็นเพียงรถคันเดียวในชีวิต
ที่ต้องใส่ใจดูแลกันทุกวันไม่ให้ขาดหาย ให้เป็นเหมือนดั่ง รถไม่เคยลัก...รักไม่เคยลด

(งานเขียนนี้เป็นการยกตัวอย่างเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือลบหลู่ต่อบุคคลหรือองค์กรอื่นใด หากเกิดข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

22 มี.ค. 2554

Hope for Japan: Fighto Engine Start Button



ชื่อภาพ : Fighto Engine Start Button
คำบรรยาย : ปุ่มสตาร์ท ญี่ปุ่น สู้ๆ เปรียบเสมือนการติดเครื่องยนต์ของการเริ่มต้นฟันฝ่าอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศญี่ปุ่นก้าวไปข้างหน้าต่อไป

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2554




Title : Fighto Engine Start Button
Description : Fighto Engine Start Button is like starting over of the engine to fight against adversity that came to Japan and to drive forward. Fighto!

By Akira Dragonfly
Sunday March 20, 2011

19 มี.ค. 2554

สัจธรรมจากทุ่นลอยน้ำบนคลื่นทะเล




ทุ่นลอยน้ำ ลอยตุ๊บป่องบนคลื่นทะเลในความมืด
เหมือนคนลอยคอเคว้งคว้างกลางท้องมหาสมุทร
แถมถูกซ้ำด้วยคลื่นผิวน้ำซัดเข้าหาเป็นระลอก
ทุ่นลอยน้ำได้แต่ลอยขึ้นลงอยู่กับที่ตามจังหวะคลื่น

เปรียบเช่นการโยนหินลงสระน้ำจะเกิดคลื่นแผ่ขยายออก
พลังงานจากหินที่กระทบผิวน้ำจะถ่ายโอนให้กับโมเลกุลน้ำ
และน้ำได้แต่กระเพื่อมขึ้นลงไม่เคลื่อนที่ไปกับพลังงานคลื่น
วัตถุที่ลอยน้ำเมื่อคลื่นผิวน้ำไปกระทบจึงขยับขึ้นลงที่จุดเดิม

ชีวิตคนไม่ต่างกับทุ่นลอยน้ำที่ลอยขึ้นลงอยู่บนคลื่นพลังงาน
คลื่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป
ไม่ว่าระยะห่างคลื่นข้างหน้าลูกถัดไปจะสูงต่ำมากน้อยเพียงไร
เรายังคงลอยขึ้นลงอยู่ที่จุดเดิมตามจังหวะของเรื่องราว

ความจริงแล้วชีวิตคนเราอยู่กับที่ อยู่กับเวลานี้ ตอนนี้ ในวันนี้
อยู่กับปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยน เพราะพรุ่งนี้ยังคงเป็นพรุ่งนี้เสมอ
และวันพรุ่งนี้เป็นเสมือนคลื่นในความมืดที่ไม่มีทางมองเห็นได้
มัวแต่กังวลใจวันพรุ่งนี้ว่าเรื่องราวจะซัดเข้ามาอย่างไร เดี๋ยวจะจม

สิ่งสำคัญ ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด ให้เหมือนดั่ง ทุ่นลอยน้ำที่ไม่ยอมจม

[บทความนี้ อ้างอิงจากคลื่นผิวน้ำบริเวณคลื่นน้ำลึก (Deep water waves) เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงคลื่นประเภทอื่นๆ เช่น คลื่นซัดฝั่ง (Surf) เป็นต้น]

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2554


Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.



18 มี.ค. 2554

รอวันตกตะกอน

น้ำขุ่นอยู่แล้ว กำลังรอวันตกตะกอนเพื่อกลับมาใส
แต่ถ้าใจร้อนเทน้ำสะอาดเพิ่มเข้าไปอย่างไม่ระวัง
มันจะยิ่งทำให้ตะกอนนั้น ขุ่นมัวฟุ้งกระจายมากกว่าเดิม

ดั่งเช่นความหวังดีเป็นสื่อกลางหวังไกล่เกลี่ย
หาทางแก้ประสานรอยร้าวอย่างเร่งรีบโดยไม่ระวัง
อาจยิ่งทำให้สถานการณ์นั้นกลับแย่ลงไปมากกว่าเดิม

เรื่องบางเรื่องรออยู่นิ่งๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ทำอะไร

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

15 มี.ค. 2554

สิ่งที่ไม่ชอบในความฝัน




ทุกคนในโลกความจริง ก็ล้วนเคยมีความฝันในระหว่างหลับตอนกลางคืนกันทั้งนั้น แต่ก็มีหลายคนที่ไม่ชอบกล่าวถึงความฝันของตนเองในค่ำคืนที่ได้ผ่านไป เพราะอาจจะมีสิ่งที่ไม่ชอบใจในความฝันของตนเองก็ว่าได้ สิ่งที่ไม่ชอบในความฝัน คือ

1. ความฝันมักจะ jump cut ตัดภาพไปมาดูแล้วตามเรื่องไม่ทัน
2. twist ending ความฝันจบเรื่องเอาดื้อๆ ตื่นมายังงงๆ
3. ความฝันเหมือนหนังอาร์ต แต่ละภาพมีความหมายแฝง ตื่นมาต้องเปิด Dict ทำนายฝัน ภาพฝันนั้นแปลว่าอะไร
4. ปริศนาตัวเลขในความฝัน มักจะได้เห็นกันอีกในวันที่เลิกสนใจตัวเลขนั้นไปแล้ว
5. ตีตั๋ว 2 ที่ แต่กลับนอนฝันกันคนละเรื่อง
6. นักแสดงรับเชิญ มักมาอยู่ในความฝัน โดยที่เจ้าตัวไม่เคยรู้เรื่องอะไรด้วยเลย
7. ความฝันในบางคืนมีหลายเรื่อง เหมือนดูหนังควบสามสี่เรื่องในคืนเดียว
8. ในความฝันดูได้คนเดียว อยากจะแอบถ่ายเก็บไว้ดูอีก ก็ทำไม่ได้
9. กว่าจะรู้ตัวว่า โลกแห่งความจริงเมื่อตะกี้มันไม่ใช่ ก็ตื่นจากฝันไปเสียแล้ว
10. บางครั้งฝันติดเรท ตื่นมาเลยได้ said "โธ่...เสียดายจัง!"

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 15 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

12 มี.ค. 2554

เหนือฟ้ายังมีธรรมชาติ

มนุษย์มักคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ แต่มันจะต่างอะไรกับฝูงมดในชามข้าว ที่กำลังถูกเฝ้ามอง

โดย แมลงปอ อากิระ
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

11 มี.ค. 2554

สัจธรรมจาก Space bar




Space bar บนคีย์บอร์ดแท่งยาวๆ มีไว้ให้พิมพ์ช่องว่าง
เพราะช่องว่าง คือ สิ่งสำคัญของธรรมชาติที่ขาดหายไม่ได้
ช่องว่าง หมายถึง ระยะห่างของระยะทางที่เว้นว่างไว้
เพื่อให้เกิดความว่างเปล่าระหว่างสิ่งหนึ่งกับสิ่งอื่นๆ

ในอวกาศเต็มไปด้วยช่องว่างมหาศาลเกินกว่าจินตนาการ
จักรวาลอันกว้างใหญ่ ยังต้องมีช่องว่างกั้นระหว่างกาแล็กซี
ในแต่ละกาแล็กซี ก็ยังคงมีช่องว่างกั้นไว้ระหว่างหมู่ดาว
โลกกับดวงจันทร์ ต่างต้องการช่องว่างกั้นไว้ไม่ให้ชนกัน

แม้แต่สิ่งเล็กๆ ที่เบียดเสียดติดกันก็ยังมีช่องว่างให้เว้นไว้
โมเลกุลส่วนที่เล็กที่สุดของสสาร ไม่ว่าของแข็งของเหลวและก๊าซ
ยังต้องการช่องว่างไว้เพื่อการคงสภาพสถานะของสสารนั้นๆ
หรืออะตอมเล็กที่สุด ยังมีช่องว่างให้อิเล็กตรอนได้เคลื่อนที่รอบนิวเคลียส

ทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติต่างต้องการช่องว่างระหว่างกัน
แม้แต่คำว่า 'I Love You' ยังต้องการมีช่องว่างให้อ่านได้
ความรักของคนสองคนก็เช่นกัน ต้องมีระยะห่างระหว่างกัน
ถ้าใกล้กันมากเกินจะอึดอัด ถ้าห่างเกินก็จะห่างเหินจนเกินไป

ช่องว่าง จึงเป็นสิ่งสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างกัน

โดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

10 มี.ค. 2554

ตรวจเช็คระยะ ฟรีค่าแรง

รายการตรวจเช็ค
[x] ควรเติมลมยางก่อนออกเดินทางไกล
[x] ควรเติมลมหัวใจก่อนเดินทางค้นหารัก
[x] ควรเติมน้ำกลั่นให้แบตเตอรี่ได้จ่ายไฟ
[x] ควรเติมน้ำใจให้คนรักได้เดินหน้าไปด้วยกัน
[x] ควรเช็ครอยแตกบนสายพานเพื่อความปลอดภัย
[x] ควรเช็คและใส่ใจบนสายสัมพันธ์เพื่อรักที่ยืนยาว
[x] ควรเช็คหัวเทียนเมื่อเครื่องเดินสะอึกสั่นไหว
[x] ควรเช็คหัวใจเมื่อความรักดำเนินอย่างสั่นคลอน
[x] ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนหากฤดูฝนจะเข้ามา
[x] ควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำตาหากต้องอำลาไกลจากกัน
[x] อื่นๆ ...
(หมั่นใส่ใจตรวจเช็คทุกๆ 5,000 กม. หรือ 3 เดือน)

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

9 มี.ค. 2554

ท้องร้องงอแง

'ท้อง' ก็เหมือนเด็กทารกที่ไม่รู้จักโต เวลาท้องร้องงอแง จะต้องรีบป้อนน้ำป้อนนมให้หลับปุ๋ย

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 9 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

8 มี.ค. 2554

บัญชีออมรัก

"จะออมเงินให้เก็บไว้ในออมทรัพย์ ถ้าจะออมรักให้เก็บไว้ในหัวใจเธอ"

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

จำกัดความเร็ว




มนุษย์ สัตว์ และพืช ได้ถูกจำกัดความเร็วในการวิ่งแข่งในสนามเวลาชีวิต ที่ความเร็ว 0.04 วันต่อชั่วโมง (โดยประมาณ) สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก ถูกบังคับให้วิ่งทำระยะทางของเวลาที่ 24 ชั่วโมงต่อวัน ธรรมชาติได้ออกกฏจำกัดความเร็วในสนามเวลาชีวิตนี้ไว้แล้ว อย่าได้พยายามคิดฝ่าฝืนเพิ่มหรือลดความเร็ว เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ ยกเว้นได้หลุดออกนอกสนามแข่งนี้ไปแล้วเท่านั้น

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

6 มี.ค. 2554

หมาไม่กัด follower

เดินตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด
เดินตามหลังผู้มีปัญญา ลาไม่ทัก
เดินตามหลังผู้กล้า ม้าไม่ยัก
เดินตามหลังผู้เสียสละ จะไม่ลักให้แก่ตัว

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

4 มี.ค. 2554

ความรักผิดอะไร ทำไมต้องพิพากษา




เราสองคนพิพากษาว่า จำเลยในที่นี้หมายถึง 'ความรัก' มีความผิดโทษฐานจืดชืดลงไม่น่าหลงใหลอีกต่อไป ให้ลงโทษ เนรเทศออกจากหัวใจเราสองคน นับจากบัดนี้เป็นต้นไป

โดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

3 มี.ค. 2554

แผนที่ในจินตนาการ

ความรู้พาไปได้แค่ขอบบ่อน้ำ แต่จินตนาการนำไปไกลสุดขอบฟ้ามหาสมุทร
ความรู้จึงฉุดให้หยุดไว้ในแผนที่ อยากออกนอกแผนที่ต้องใช้จินตนาการ

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

2 มี.ค. 2554

ใครบางคน เงินเดือนหลักหมื่น แต่...ปากกัดตีนถีบ

บางทีก็เข้าใจได้ว่า 'ความยากจน' ไร้ซึ่งโอกาสทางการงาน และโอกาสทางการศึกษาที่ดี จึงทำให้คนที่ยากจนหาเช้ากินค่ำ ต้อง 'ปากกัดตีนถีบ' ดิ้นรนทำงานอันเหนื่อยหนักแสนสาหัส กัดฟันสู้ ถีบให้ตนเองให้มีรายได้ เพียงแค่พอเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัวได้มีชีวิตรอดไปในแต่ละวัน

แต่สำหรับใครบางคน ที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีรายได้เงินเดือนหลักหมื่นขึ้นไป อยู่อย่างสบาย เหลือกินเหลือใช้ กลับต้อง 'ปากกัดตีนถีบ' แย่งชิงความก้าวหน้า ปากพูดจากัดกินป้ายสีทำลายฝ่ายตรงข้าม ตีนถีบยันคนอื่นให้กระเด็นออกไกลห่างจากหน้าที่การงานที่หมายปอง

ไม่ว่าจะรวยหรือจน หากเกิดเป็นคน เราทุกคนต่างต้อง 'ปากกัดตีนถีบ' เพื่อความอยู่รอดในโลกใบนี้กันทั้งนั้น แต่ทว่าโลกนี้จะสวยงามหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่ที่ เราทุกคนจะเลือกปากกัดตีนถีบในแบบ 'ทำให้ตนเองดีขึ้น' หรือ 'ทำให้คนอื่นแย่ลง'

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพุธที่ 2 มีนาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

28 ก.พ. 2554

ใช่ชีวิตจริง...หรือแค่ความฝัน?

(งานเขียนนี้เป็นเพียงจินตนาการเรื่องสมมุติของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

คนเรามักแยกไม่ออกว่า ในขณะที่นอนหลับฝันอยู่นั้น จะหลงเชื่อไปว่านั่นต้องใช่ 'ความจริง' เป็นแน่ จนกว่าจะตื่นจากการหลับฝัน ถึงได้รู้ว่า เรื่องราวเหตุการณ์ที่ผ่านไปนั้น เป็นเพียงแค่ 'ความฝัน' ที่เกิดขึ้นจากความคิดในระหว่างการนอนหลับ แล้วไม่นานต้องตื่นกลับสู่โลกแห่งความจริงในที่สุด

คนเราจึงยึดมั่นในโลกแห่งความจริงนี้ มากกว่าแค่ความฝันระหว่างการนอนหลับ เพราะเราสามารถรับรู้เรื่องราวเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริงนี้ ผ่านสัมผัสทางกายหรือความรู้สึก ที่มีมากกว่าแค่สัมผัสทางความคิดอย่างเดียวในความฝัน ดังนั้น เรื่องราวเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริง จึงมีผลกระทบต่อจิตใจมากกว่าความฝัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริงกับความฝันนั้น จะยังคงหมุนเวียนสลับกันไปเรื่อยๆ ก็ตาม

แต่ถ้าเมื่อใดที่ชีวิตจริงหลับฝันแล้วไม่ตื่น เมื่อนั้นจะเป็นการตื่นจากฝันของดวงจิต เรื่องราวเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริงที่ได้ตายจากไปนั้น จะเป็นเพียงแค่ 'มิติความฝัน' ของดวงจิตเท่านั้นเอง ในที่สุดดวงจิตจะต้องกลับสู่ 'มิติความจริง' ไปในที่สุด เรื่องราวเหตุการณ์ในมิติความจริงจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน รอจนกว่าดวงจิตจะได้หลับฝันใหม่อีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็น ‘โลกแห่งความฝัน’ หรือ ‘โลกแห่งความจริง’ ที่เราดำรงอยู่ อาจจะมีโลกอีกมิติความจริงที่ซ้อนทับอยู่ก็เป็นไปได้ สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่า เราจะต้องรู้ให้ได้ว่า ตอนนี้เราอยู่ในความจริงหรือกำลังฝัน แต่ประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่ตัวเราว่า จะเป็นผู้ดำเนิน ‘เรื่องราวเหตุการณ์’ นั้นต่อไปอย่างไร

(งานเขียนนี้เป็นเพียงจินตนาการเรื่องสมมุติของผู้เขียนเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

โดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

27 ก.พ. 2554

แมลงปอ อากิระ ตอนที่ 33 Part 8 รักและเป็นห่วง

“ซายูริ!… ซายูริ ได้ยินไหม ซายูริ!” แมลงปอ อากิระ พยายามร้องตะโกนเรียกแมลงปอ ซายูริ ผ่านม่านแสงสื่อสารระหว่างดาว ด้วยละอองเกสรดอกทานตะวัน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงเธอมากยิ่งขึ้น เขาจึงลองถูเสียดสีละอองเกสรดอกทานตะวันให้เกิดแสงสว่างอีกหลายครั้ง และในที่สุดก็ปรากฎภาพบนม่านแสงขึ้น

“ซายูริ ที่แท้หลับอยู่หรอ ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอตื่น ฉันดีใจที่ได้เห็นเธออีกนะ” แมลงปอ อากิระ พูดด้วยความรู้สึกที่สบายใจขึ้น
“เมื่อกี้ฉันเปิดดูอินเตอร์เน็ตจักรวาล ตอนนี้พวกแมลงปอที่ประท้วงหน่ะ ได้ก่อจราจลกระจายไปทั่วดาวโลกแล้ว ฉันเป็นห่วงเธอมากๆ เลยนะ หวังว่าคงไม่มาลามถึงแถวทุ่งดอกทานตะวันหรอกนะ”

แมลงปอ ซายูริ พยักหน้าตอบ แล้วส่งสายตาเพื่อสื่อว่ายังปลอดภัยดี

“ตอนนี้ฉันกำลังตามหา ผ้าฝ้ายทอ AEROK บนดาวดวงนี้อยู่ โชคดีที่มีแมลงปอผู้เฒ่า แกบอกมา ผ้าฝ้ายทอนั่น จะสามารถเช็ดใยแมงมุมป่าที่พันตัวเธอออกได้ แต่ก็จำได้ว่าที่ดาวโลกก็มีนำเข้าผ้าฝ้ายทอ AEROK ไปขายด้วย แต่คงแพงน่าดู ที่ดาวดวงนี้แทบทุกอย่างฟรีไม่คิดเงิน หวังว่าผ้าฝ้ายทอ AEROK ก็คงฟรีด้วยเหมือนกัน และฉันจะพยายามหามันให้เจอก่อนที่จะต้องเดินทางกลับดาวโลก แต่ก็กลัวเหมือนกันว่า จะได้กลับดาวโลกอีกหรือไม่ อยากให้ดาวโลกสงบสุขเร็วๆ จังเลย ถ้าไงมีอะไรก็ติดต่อมาได้นะ แค่นี้ก่อนนะ เป็นห่วงและคิดถึงมากๆ รักเธอนะ ซายูริ”

แมลงปอ ซายูริ ได้แต่พยักหน้าตอบ และมองเขาด้วยสายตาที่คิดถึง ภาพบนม่านแสงก็ดับลงหลังจากสิ้นสุดการติดต่อครั้งนี้

แมลงปอ อากิระ รู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากที่ได้เห็นหน้าแมลงปอ ซายูริ อีกครั้งโดยที่เธอยังคงปลอดภัยอยู่ เขาจึงลงมาที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมคอนโดข้าวโพดอีกครั้ง เพื่อหยิบอาหารของกินและน้ำหวานดอกไม้จากฟรีโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วจึงขึ้นไปยังที่ห้องพักบนโรงแรมคอนโดข้าวโพดตามเดิม เขานั่งกินอาหารตามลำพังเพียงตัวเดียวท่ามกลางความเงียบและความคิดถึง

หลังจากกินอาหารและอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว แมลงปอ อากิระ ได้ปูที่นอนเยื่อใยนุ่นขาวลงบนพื้นห้อง เยื่อใยนุ่นขาวเป็นที่นอนในแบบพื้นเมืองดั้งเดิมของดาวดวงนี้ และยังเป็นที่นอนเยื่อใยนุ่นขาวที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ หากใครได้นอนจะลืมเรื่องราวความทุกข์ต่างๆ นานาไปโดยไม่รู้ตัวระหว่างที่ได้นอน การที่เขาได้มีโอกาสนอนบนที่นอนเยื่อใยนุ่นขาวครั้งนี้ จึงถือเป็นประสบการณ์ความสุขที่หาไม่ได้เลยบนดาวโลก แล้วเขาก็เอนกายล้มตัวลงนอน แสงไฟในห้องค่อยๆ หรี่และดับมืดลงในที่สุด แมลงปอ อากิระ หลับตาอย่างมีความสุข โดยหวังว่า สักวันหนึ่งจะต้องพาแมลงปอ ซายูริ กลับมาใช้ชีวิตบนดาว South-AEROK ดวงนี้ให้ได้

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

25 ก.พ. 2554

รัก คือ น้ำส้มคั้น




ความรัก เปรียบเสมือน น้ำส้มคั้น ที่นำมาปั่นใคร่ผสมให้หวานหอมน่าหลงไหล สีสันสวยตาดึงดูดใจให้อยากชิม ครั้นลิ้มรสแรกดื่มนั้น หวานชื่นจิตสุดคิดจะบรรยาย ยิ่งอยากรักอยากใคร่ยิ่งอยากดื่ม ดื่มทุกวันโลกสดใสจิตใจสบาย กลายเป็นความสุขที่อยากได้จากน้ำส้มคั้น

แต่ทว่าเมื่อนานวันบางครั้งตั้งทิ้งไว้ ใคร่แขวนลอยได้ตกตะกอนนอนก้นลง จนไร้รสหมดสีสันสิเน่หา เหลือเพียงน้ำใสๆ จืดชืดไม่น่ามองไม่น่าชิม เลยต้องเปลี่ยนไปลิ้มรสหาของใหม่ตามแต่ใจ หากมีใครยังคงดื่มน้ำส้มคั้นตกตะกอนไม่คิดเปลี่ยนไป ก็เพราะหัวใจที่มีให้กับน้ำส้มคั้นใสๆ นั้นเป็น... รักแท้จริง

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

22 ก.พ. 2554

ทั้งหิวทั้งเหงา

เราจะหิวเมื่อท้องเราได้ว่างเปล่า
เราจะหง่าวเมื่อหัวใจไม่มีใคร
หากความหิวแทนความเหงาเมื่อยามใด
ย้ายหัวใจไปรอไว้ตรงที่ท้อง...

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

21 ก.พ. 2554

แมลงปอ อากิระ ตอนที่ 33 Part 7 เครดิตความดีมีค่ามากกว่าเงิน

ภูมิประเทศบนดาว South-AEROK ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาและเทือกเขาสูง ส่วนพื้นที่ราบจะเป็นพื้นที่ริมแม่น้ำ และชายทะเล ประชากรแมลงปอบนดาว มากกว่าร้อยละ 90 จะอาศัยกันอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ มากกว่าการอาศัยตามป่าเขา เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนธรรมชาติ ด้วยความเจริญทางเทคโนโลยีทางความคิดที่มีมากกว่าดาวโลก แมลงปอบนดาว South-AEROK จึงมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีระดับสภาพจิตที่สูงกว่า

รถบัสกระดาษที่แมลงปอ อากิระ ได้โดยสารมาทางตะวันตก ได้นำพาเขาผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุโมงค์ลอดภูเขานับร้อยๆ ลูก ภาพที่เห็นจนชินตา เป็นภาพต้นไม้ ท้องฟ้า สลับกับแสงจากหลอดไฟที่วิ่งเป็นสายบนความมืดในอุโมงค์ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างสลับกันไป จนทำให้เขาต้องเผลอหลับไป ในบางช่วงของเส้นทางอันยาวไกลนี้

จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า รถบัสกระดาษได้จอดพักที่โรงแรมคอนโดข้าวโพด แมลงปอตัวอื่นๆ ต่างพากันลงจากรถบัสกระดาษ แล้วลากกระเป๋าเดินทางของแต่ละตัวเข้าโรงแรมเพื่อพักแรม ส่วนแมลงปอ อากิระ ก็ลงจากรถบัสกระดาษเป็นตัวสุดท้าย เขามองไปรอบๆ บริเวณแล้วจึงเดินตามเข้าไป เพื่อจับจองห้องว่างสำหรับพักแรมคืนนี้

สินค้าและบริการต่างๆ โดยส่วนใหญ่บนดาว South-AEROK ดวงนี้ จะมีให้ใช้กันฟรีๆ ไม่คิดเงิน ด้วยทรัพยากรที่มีเหลือเฟือ และจัดสรรแบ่งปันกันอย่างทั่วถึง ทำให้คุณภาพชีวิต และสภาพจิตของประชากรแมลงปอที่นี่อยู่ในระดับดี อันเนื่องมาจากนโยบายของผู้นำของดาวดวงนี้ ได้ยกเลิกระบบเงินตราแลกเปลี่ยนภายในดวงดาว แล้วใช้ระบบ ‘เครดิตความดี’ เข้ามาแทน เพื่อใช้แลกเปลี่ยนกับสินค้าและบริการบางอย่างที่มีจำกัด และต้องนำเข้าจากต่างดาว ดังนั้นแมลงปอส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพตามที่ตนเองรัก และประพฤติแต่ความดี เพื่อให้มีเครดิตความดี ไว้แลกสิ่งของเครื่องใช้นำเข้าจากนอกดาวที่ต้องการ และนโยบายนี้ยังทำให้แมลงปอจรจัดยาจก หมดไปจากดาว South-AEROK แห่งนี้

พอถึงเวลา 3 ทุ่มกว่า แมลงปอ อากิระ ก็ลงมาที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมคอนโดข้าวโพด เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตจักรวาล เขานั่งลงที่หน้าดอกทิวบี้ เปิดดูเว็บไซต์ข่าวของดาวโลก แล้วเขาก็ตกใจ ตอนนี้กลุ่มแมลงปอผู้ประท้วง ได้ก่อจราจลความรุนแรงทำลายสถานที่และสิ่งของต่างๆ กระจายไปทั่วทุกมุมเมืองของดาวโลก กองกำลังหน่วยปราบพิฆาตแมลง ก็ได้แต่ยืนคุมสถานการณ์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่สงครามระหว่างดาว

แมลงปอ อากิระ รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก ว่าตอนนี้แมลงปอ ซายูริ จะเป็นอย่างไรบ้าง และแมลงปอญาติๆ จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร และที่สำคัญ เขาจะกลับดาวโลกได้อย่างไร ถ้าหากทุกอย่างบานปลายแล้วไม่มีดาวโลกหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ความเครียดเริ่มขึ้นสมอง เขาจึงรีบขึ้นไปที่ห้องพักบนโรงแรมคอนโดข้าวโพด แล้วหยิบละอองเกสรดอกทานตะวันออกจากถุงฝ้ายติดตัวใบเล็กออกมา ทำการถูเสียดสีกันให้เกิดแสงสว่าง เพื่อที่จะติดต่อกลับไปยังแมลงปอ ซายูริ ที่อยู่บนต้นทานตะวัน หลังจากได้ถูกใยแมงมุมป่าพันม้วนเป็นดักแด้

“ซายูริ!… ซายูริ! ได้ยินไหม รับสายด้วย!” แต่ทว่าไม่มีสัญญาณภาพตอบรับกลับมา เขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ที่ยังไม่สามารถติกต่อกับเธอได้

โดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

20 ก.พ. 2554

แมลงปอ อากิระ ตอนที่ 33 Part 6 แมลงปอผู้เฒ่าแก่บนยอดเทือกเขา

อากาศยามเช้าบนดาว South-AEROK ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะเย็นสบายไม่ถึงกับหนาวมาก วันนี้แมลงปอ อากิระ ตื่นเช้าเป็นพิเศษ และออกมานั่งชมบรรยากาศนอกระเบียงห้องพักรวงผึ้งที่สูงจากพื้นดินหลายร้อยเมตร แสงไออุ่นจากพระอาทิตย์เป็นเสมือนกาแฟถ้วยแรกของสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ ความเงียมค่อยๆ จางหายไป เสียงนกร้องเพลงดังขึ้นเป็นระยะๆ

เมื่อได้เวลาอาหารเช้า แมลงปอ อากิระ จึงลงมาที่ชั้นล่างของโรงแรม พบกับอาหารบุฟเฟ่ต์ที่จัดเตรียมไว้มากมายหลากหลายเมนู เขาหยิบอาหารต่างๆ ใส่จานมานั่งกินเพียงตัวเดียวที่โต๊ะ เขาหยิบอาหารเข้าปากแล้วรู้สึกว่าอร่อยมาก รสชาตินั้นแตกต่างจากอาหารบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมบนดาวโลก และเขาก็ชื่นชอบกับการกินสาหร่ายสายรุ้งที่อัดเป็นแผ่นบางกรอบเป็นอย่างมาก

“อยากให้ ซายูริ มาด้วยจัง” เขาพูดกับตนเอง แล้วความกังวลใจก็เข้ามาในจิตใจ ว่าจะทำอย่างไรจึงจะหาวิธีช่วยเธอได้

หลังจากกินอาหารเช้าอิ่มแล้ว แมลงปอ อากิระ เดินออกมาข้างนอกโรงแรม ยืนมองดูธรรมชาติอันงดงามที่แตกต่างจากดาวโลกเหลือเกิน เขาออกบินสำรวจไปทั่วบริเวญนั้น จนกระทั่งมาถึงที่หอบังคับกระเช้าลอยฟ้า ที่เชื่อมไปยังปลายยอดของเทือกเขา SL-San เขาเห็นแมลงปอหลายตัวกำลังต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้าลอยฟ้า เขาจึงบินไปยังปลายแถว แล้วจึงต่อคิวรอ

เวลาผ่านไปหนึ่งถึงสองชั่วโมง แมลงปอ อากิระ จึงได้ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ลอยขึ้นไปที่ยอดของเทือกเขา SL-San เขาตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก มองเห็นวิวธรรมชาติเบื้องล่างนั้นงดงามยิ่ง เต็มไปด้วยต้นไม้พันธุ์ไม้นานาชนิด สีชมพู สีเขียว สีส้ม และสีแดง กระจายทั่วพื้นที่ป่าบนเทือกเขาแห่งนี้ ในไม่ช้ากระเช้าลอยฟ้าก็ได้นำพาเขาและแมลงปอตัวอื่นๆ ขึ้นมาถึงฐานยอดเขา อากาศบนยอดนี้เย็นมากๆ ลมพัดแรงตลอดเวลา ทำให้แมลงปอ อากิระ เกือบจะปลิวไปตามแรงลม เขาได้เดินไต่ไปตามแนวสันของยอดเขาเพื่อขึ้นไปให้ถึงที่ปลายยอดสูงสุด เช่นเดียวกับแมลงปอตัวอื่นๆ ที่พยายามพากันปีนไปที่ยอดสูงสุดเพื่อร้องตะโกนออกไป แต่ด้วยลมพัดแรงมากๆ เหลืออีกแค่ประมาณ 10 เมตรจึงจะถึงปลายยอดสูงสุด เขาได้หยุดปีนด้วยความเหนื่อย แล้วหันมามองทิวทัศน์เบื้องล่างจากปลายยอดสูงสุดของเทือกเขา SL-San

“วู…ว์! สวัสดี! สวยงามมาก ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย” เขาร้องตะโกนออกไปที่หน้าผา แต่ไม่มีเสียงสะท้อนใดๆ กลับมาเลย ทันใดนั้น ก็มีมือมาสะกิดที่ด้านหลังของเขา แมลงปอ อากิระ จึงหันหน้าไปดู เป็นมือของแมลงปอผู้เฒ่าแก่ที่มาสะกิด

“พ่อหนุ่มอยากจะช่วยเพื่อนสาวใช่ไหม” แมลงปอผู้เฒ่าแก่เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างช้าๆ
“ชะ ใช่… ใช่ครับ” แมลงปอ อากิระ ทำหน้าแปลกใจที่ทำไมแมลงปอผู้เฒ่าแก่ถึงได้ถามเช่นนั้น แล้วยังสามารถพูดภาษาโลกได้ด้วย
“ผ้าฝ้ายทอ AEROK เป็นผ้าที่สามารถช่วยเช็ดใยแมงมุมต่างๆ ให้หลุดออกจากร่างกายอย่างง่ายดาย” แมลงปอผู้เฒ่าแก่ ยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศตะวันตก แมลงปอ อากิระ หันมองตามปลายมือที่ชี้

“ผ้าฝ้ายทอ AEROK หรือครับ…” แมลงปอ อากิระ หันหน้ากลับมาถามเพื่อทวนให้แน่ใจ แต่ปรากฏว่า แมลงปอผู้เฒ่าแก่ ได้หายไปไหนแล้วไม่รู้ เขาเห็นแต่แมลงปอตัวอื่นๆ ที่กำลังปีนขึ้นปีนลงบนยอดเขานี้
“สงสัยท่าทางแกจะรีบ ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย”

แมลงปอ อากิระ ลงจากเทือกเขา SL-San ด้วยกระเช้าลอยฟ้า เมื่อถึงพื้นดิน เขาก็บินกลับไปยังโรงแรม เขาเดินถามโดยยกชี้มือไปทางทิศตะวันตก เพื่อถามแมลงปอผู้ขับบัสกระดาษ ว่าคันไหนจะมุงหน้าไปทิศนั้นบ้าง ในที่สุดก็เจอกับรถบัสกระดาษ คันที่จะเดินทางไปทิศตะวันตกของดาว AEROK

โดย แมลงปอ อากิระ
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

18 ก.พ. 2554

แมลงปอ อากิระ ตอนที่ 33 Part 5 ความคิดถึงจากต่างแดน

รถบัสกระดาษวิ่งไปตามเส้นทางผ่านภูเขามากมายหลายลูก และบางช่วงต้องลอดอุโมงค์ที่เจาะผ่านทะลุใต้ภูเขาเป็นทางยาว แมลงปอ อากิระ นั่งที่ริมหน้าต่างของรถบัสกระดาษ มองดูวิวริมข้างทางด้วยความรู้สึกตื่นเต้น จนลืมเรื่องกังวลใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับแมลงปอ ซายูริ ที่เขาจะต้องหาวิธีช่วยเธอ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกของการเดินทางระหว่างดวงดาวอย่างที่เขาใฝ่ฝันไว้ตั้งแต่ยังเป็นตัวโม่งเล็กๆ (ตัวอ่อนก่อนเปลี่ยนแปลงเป็นแมลงปอ) ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เป้าหมายอย่างดาว NAPAJ ที่เขาตั้งใจไว้ แต่ดาว South-AEROK ดวงนี้ก็มีสภาพใกล้เคียงกับดาว NAPAJ อยู่เหมือนกัน

เวลาประมาณบ่ายแก่ๆ พระอาทิตย์ก็เริ่มอ่อนแสงลงจากการถูกเมฆหมอกมาบดบัง ด้วยสภาพอากาศหนาวเย็น ดาวดวงนี้จะมีช่วงที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านได้เต็มที่แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และในที่สุดรถบัสกระดาษก็เดินทางมาถึงตีนเขาของเทือกเขา SL-San แมลงปอผู้โดยสารตัวอื่นๆ ต่างพากันลงจากรถบัสกระดาษ แล้วเข้าที่พักโรงแรมที่มีลักษณะคล้ายๆ รวงผึ้งเป็นช่องๆ เรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ สักพักแมลงปอ อากิระ ลงจากรถบัสกระดาษเป็นตัวสุดท้าย โดยที่ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับใครเลยระหว่างทาง เนื่องจากแมลงปอที่ดาวดวงนี้เป็นพวกชาตินิยม จึงไม่ใช้ภาษาสากลในการสื่อสาร แล้วเขาก็เดินเข้าโรงแรมตามไป

“… รายงานข่าวด่วน! ขณะนี้กลุ่มแมลงปอผู้ประท้วงที่ไม่พอใจต่อทางการของดาวโลก ได้ออกมารวมตัวกัน และยึดสถานที่สำคัญๆ ของทางการบนดาวโลกไว้หมดแล้ว…” เสียงจากโทรทัศน์ฝักบัวที่ห้องล็อบบี้ลอยมาเข้าหูของแมลงปอ อากิระ ทำให้เขาหยุดยืนแล้วหันไปดู

“โดยกลุ่มแมลงปอผู้ประท้วง ได้ยื่นคำขาดให้ผู้นำแมลงแห่งดาวโลก ต้องลาออกจากตำแหน่งภายในคืนวันนี้ ส่วนทางการของดาวโลก ก็ไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องนั้น และยังได้ยกกองกำลังหน่วยปราบพิฆาตแมลง มาปิดล้อมกลุ่มแมลงปอผู้ประท้วงไว้รอบด้าน สถานการณ์ตึงเครียดมาก หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ จะรายงานข่าวเข้ามาอีก ข่าวต่อไปดาราสาวแมลงปอได้ถูกจับในข้อหามั่ว…”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงรายงานจากโทรทัศน์ฝักบัว แมลงปอ อากิระ รีบเดินขึ้นห้องพักรวงผึ้งของเราโดยทันที ด้วยความเป็นห่วงแมลงปอ ซายูริ และแมลงปอญาติๆ ทุกตัวของเขา หลังจากนั้นเขาหยิบละอองเกสรดอกทานตะวันออกจากถุงฝ้ายติดตัวใบเล็กออกมา แล้วทำการถูเสียดสีกันให้เกิดแสงสว่าง ทันใดนั้นตรงใจกลางห้องก็เกิดแสงภาพจางๆ บนม่านแสง เป็นภาพของ แมลงปอ ซายูริ ที่ถูกพันม้วนเป็นดักแด้ด้วยใยแมงมุมป่า เธอนั่งพิงลำต้นทานตะวันด้วยสีหน้าอิดโรย เขาจึงตะโกนเรียกเธอที่อยู่ในม่านแสง

“ซายูริ! ซายูริ ได้ยินฉันไหม ซายูริ!” ซายูริในม่านแสงก็พยายามเหยียดเท้ามาถูกับละอองเกสรดอกทานตะวันที่ถูกโรยรอบตัวเธอไว้ แล้วเธอก็เงยหน้ามามองเขา การสื่อสารระหว่างดาวสามารถติดต่อได้แล้ว

“ซายูริ เป็นไงบ้าง หิวไหม น้ำเลี้ยงของต้นทานตะวันยังไหลอยู่หรือเปล่า?” เขาถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วง ส่วนแมลงปอ ซายูริ ก็ได้แต่พยักหน้าตอบ เพราะถูกใยแมงมุมป่าพันปิดปากไม่สามารถเอ่ยคำพูดได้

“ก็ดีแล้ว เธออยู่บนต้นทานตะวันจะปลอดภัยที่สุด รู้ไหมตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ฉันอยู่ที่ดาว South-AEROK เรื่องมันยาว ไว้กลับไปแล้วจะเล่าให้ฟัง แต่ที่นี่สวยมากๆ เลย อยากให้เธอได้เดินทางมาด้วยจัง ยังไงฉันจะต้องกลับไปหาเธอให้ได้เร็วๆ นี้นะ ซายูริ”

“พอดีเมื่อตะกี้ ฉันฟังข่าว เห็นว่าตอนนี้ดาวโลกกำลังมีเหตุการณ์แมลงปอประท้วงกันอยู่ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าไงเดี๋ยวฉันจะติดต่อกลับไปนะ ต้องประหยัดละอองเกสรดอกทานตะวันไว้ใช้ติดต่อกันในยามจำเป็น เป็นห่วงและคิดถึงมากๆ รักเธอนะ ซายูริ” หลังจากที่แมลงปอ ซายูริ พยักหน้าตอบ และมองเขาด้วยสายตาที่คิดถึง ภาพบนม่านแสงก็ดับลง

แมลงปอ อากิระ เดินไปนั่งที่ระเบียงนอกห้องพักรวงผึ้งที่สูงจากพื้นดินหลายร้อยเมตร เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า เป็นค่ำคืนที่มืดสนิท ท้องฟ้าของดาว South-AEROK ดวงนี้ ช่างเงียบเหงาเสียยิ่งกะไร ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ หรือแสงดาว ที่จะมาช่วยคลายความกังวล และความคิดถึงในหัวใจของเขาลงได้

โดย แมลงปอ อากิระ
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

17 ก.พ. 2554

แมลงปอ อากิระ ตอนที่ 33 Part 4 ด่าน ต.ม. ที่แสนโหด

แมลงปอ อากิระ ลืมตาขึ้น หลังจากหลับไปโดยไม่รู้ตัว เพราะความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ต้องบินอุ้มแมลงปอ ซายูริ ที่โดนใยแมงมุมป่าพันเป็นดักแด้ พาเธอไปหลบซ่อนที่ทุ่งดอกทานตะวัน และยังต้องบินทั้งวันเพื่อตามหาความช่วยเหลือ แต่แล้วกลับกลายต้องมาเดินทางระหว่างดาวตัวเดียวโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองออกไปที่นอกหน้าต่างของตะกร้าห้องโดยสารของลูกโป่งสวรรค์ เป็นภาพท้องฟ้าและก้อนเมฆที่สวยงามเป็นสีฟ้า ม่วง อมชมพู

“นี่ใช่ไหม ดาว South-AEROK ก็คล้ายๆ โลกของเราเหมือนกัน” แมลงปอ อากิระ พูดกับตนเอง แล้วลูกโป่งสวรรค์ก็ค่อยๆ ร่อนลงที่สนามบินระหว่างดาวของดาว South-AEROK เขาและผู้โดยสารตัวอื่นๆ ก็พากันเดินไปที่ ต.ม. (ด่านตรวจแมลงเข้าดาว) และก็ต่อแถวเพื่อตรวจประทับตราหนังสือเดินทางระหว่างดาวที่ปลายปีกของแต่ละตัว ถึงแม้ว่าดาวดวงนี้จะไม่ต้องขอวีซ่าก็ตาม แต่ด่าน ต.ม. ที่นี่ได้ชื่อว่า เป็นด่านตรวจแมลงเข้าดาวที่โหดและเข้มงวดที่สุด เขาเริ่มกังวลใจว่า การมาดาวดวงนี้โดยไม่ได้วางแผน ไม่มีจุดหมาย ถ้าไม่ผ่านการตรวจ จะทำอย่างไรดี เพราะการลักลอบเข้าดาวโดยผิดกฏหมาย มีโทษสถานเดียวคือ กำจัดทิ้ง!

และแล้วก็ถึงคิวแมลงปอ อากิระ เพื่อตรวจแมลงเข้าดาว เขายืนนิ่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ เครื่องตรวจเริ่มสแกนหนังสือเดินทางระหว่างดาวที่ปลายปีกของเขา วินาทีผ่านไปช้าๆ ตามจังหวะเสียงหัวใจเต้น ตุบ… ตุบ… ตุบ… ตุบ… เพื่อรอคำตอบจากแมลงปอเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจแมลงเข้าดาว

“ไปได้…. เชิญตัวต่อไปครับ” เมื่อสิ้นเสียงแมลงปอเจ้าหน้าที่ ความโล่งใจของเขาก็เข้ามาแทน แมลงปอ อากิระ เดินออกมาที่หน้าอาคารของสนามบินระหว่างดาว และมองไปรอบๆ

“อากาศดีกว่าโลกเราอีก เย็นสบาย…” เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกางแขนบิดขี้เกียจ
“สวยดี น่ามาอยู่ที่นี่ แต่เสียดายที่ ซายูริ ไม่ได้มาด้วย เป็นห่วงเธอจัง ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เขาเริ่มกังวลใจ

แมลงปอ อากิระ หันหลังกลับไปดูที่ป้ายบอกเที่ยวบิน พบว่า เที่ยวบินกลับสู่โลกจะมีในอีก 4 วันข้างหน้า เขาคิดว่าไหนๆ ก็ได้มาที่นี่แล้ว และต้องรออีก 4 วัน ถ้างั้นลองตามหาดูว่า อาจจะมีวิธีแกะใยแมงมุมป่าออกจากร่างกายของแมลงปอ ซายูริ ก็ได้ ดีกว่าปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ใช่แล้ว ต้องไปถามชาวพื้นเมืองบนดาวดวงนี้ เผื่ออาจจะได้คำตอบดีๆ เขาจึงรีบเดินไปขึ้นรถบัสกระดาษที่จอดอยู่ด้านหน้า โดยหวังว่า รถบัสกระดาษคันนี้ มันจะพาไปหาสิ่งที่เขาต้องการ

โดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

ชอบงานเขียนนี้ คลิก Like ให้กำลังใจด้วย