พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด และติดตามผลงานของ แมลงปอ อากิระ ได้บน Facebook และ Twitter

20 ต.ค. 2554

ถุงใส่น้ำสะอาด กรณีฉุกเฉินน้ำท่วม



ในช่วงที่เกิดภาวะอุทกภัยนํ้าท่วม การเตรียมตัวเพื่อดำรงชีพระหว่างน้ำท่วมขัง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า เช่น การเตรียมเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำดื่ม น้ำใช้ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในภาวะแบบนี้

หากน้ำที่กักเก็บไว้ไม่สามารถปิดฝาภาชนะได้สนิท หรือ มีภาชนะเก็บน้ำสะอาดไม่เพียงพอ ถุงพลาสติกใส่อาหารช่วยได้

1. เปิดปากถุงพลาสติกใสชนิดบรรจุอาหาร ถ้ามีใบใหญ่ที่สุดยิ่งดี
2. เทน้ำสะอาดใส่ถุงประมาณครึ่งถุง อย่าใส่เต็ม จะมัดปากถุงลำบาก
3. ม้วนปากถุงเป็นเกลียว มัดด้วยเชือกฟางให้แน่น โดยให้มีอากาศอยู่ ภายในประมาณ 1 ใน 4 ของถุง เพื่อให้สังเกตเห็นถุงลอยเหนือน้ำได้ง่าย
4. นำปลายเชือกฟางที่เหลือ ผูกติดกับหลักยึดป้องกันการลอยน้ำหายไป

เมื่อน้ำท่วม อากาศในถุงจะยกตัวขึ้นผิวน้ำ ทำให้มองหาถุงง่ายกว่าไม่มีอากาศ ถุงน้ำมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายในน้ำได้ง่าย หากยกถุงขึ้นจากน้ำ ถุงจะหนักขึ้นตามน้ำหนักน้ำที่ใส่ สามารถใช้ถุงขยะสีขุ่น/ถุงดำ เพื่อใส่น้ำใช้ (ไม่ใช่น้ำดื่ม) ต้องล้างถุงให้สะอาดก่อน และควรเลือกถุงที่มีความเหนียวมาก ๆ ระวังอย่าให้ถุงโดนของมีคมที่ลอยตามน้ำ จะทำให้ถุงแตกรั่วซึม

แนวคิดนี้ได้จากการสังเกตเห็นถุงใส่แกงจืดที่ตกลงไปในน้ำแล้วลอยน้ำได้ จึงได้ทดลองนำถุงพลาสติกใส่น้ำสะอาดแล้วไปลอยในบ่อน้ำ ปรากฏว่าน้ำสะอาดข้างในยังสามารถนำมาใช้ได้ โดยต้องมัดปากถุงให้สนิทที่สุด หวังว่าการใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำสะอาดนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการที่จะสำรองน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และที่สำคัญหากใช้ถุงพลาสติกเสร็จแล้ว ควรนำถุงไปใช้ซ้ำ เช่น ใส่สิ่งของ ใส่ขยะ เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่าที่สุด ก่อนที่จะไม่มีทรัพยากรธรรมชาติให้ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2554

17 ต.ค. 2554

เวลาที่ผ่านไป ช้าหรือเร็ว?


หลายคนมักจะบ่นถึงเรื่องเวลาที่ผ่านไป
ว่าทำไมเวลาตอนที่ต้องทนทุกข์ เวลาช่างเดินผ่านไปแสนจะช้า
แต่เวลาตอนที่มีความสุข เวลากลับเดินผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน
จนบางคนแทบจะอยากหยุดเวลาไว้นาน ๆ แต่ทำไม่ได้

ชีวิตก็เสมือนการเดินทางบนเส้นทางของเวลา ที่ไม่อาจหยุดลง แต่มีวันจบสิ้น
หมายความว่า เวลาเป็นถนนสายหนึ่ง ที่ทอดยาวไกลไปเรื่อย ๆ
ถ้าเวลาคือถนน เวลาจึงไม่ได้เคลื่อนที่ผ่านชีวิตของเราเลย
ชีวิตของเราต่างหากที่เคลื่อนที่ ผ่านเส้นทางของเวลา

สมมุติว่ากำลังเดินทางอยู่บนผิวโลก ตรงเส้นศูนย์สูตร สวนทางกับทิศการหมุนของโลก
โดยเดินทางด้วยความเร็ว เท่ากับความเร็วบนพื้นผิวโลกที่กำลังหมุนอยู่
จะพบว่า ตัวเรากำลังเดินทางอยู่กับที่ ณ องศาเดิมตลอดเวลาที่โลกหมุน
คล้ายกับการเดินบนลู่วิ่งสายพาน ที่เราไม่ได้เคลื่อนองศาออกห่างไปไหนเลย

บนเส้นทางของเวลา ก็คล้ายกับเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 วัน
เป็นชีวิตที่กำลังเดินอยู่บนวงล้อแห่งเวลา ด้วยความเร็ว 24 ชั่วโมง/วัน
ชีวิตกำลังเคลื่อนที่ไปบนพื้นผิววงล้อแห่งเวลา หมุนวนเรื่อยมาไม่รู้จบ
แต่แท้ที่จริง ชีวิตยังอยู่ที่ตำแหน่งองศาเดิมโดยตลอด บนวงล้อแห่งเวลา

การเดินทางของชีวิต ก็เป็นเหมือน วงล้อที่กำลังหมุนกลิ้งไปเรื่อย ๆ
ชีวิตกับเวลา จึงไม่ต่างอะไรกับล้อ ๆ หนึ่ง ที่กำลังหมุนอยู่บนล้ออีกล้อหนึ่ง
โดยที่ชีวิตเป็นล้อหมุนตรงส่วนบน ที่กำลังหมุนบนวงล้อแห่งเวลาที่ส่วนด้านล่าง
วงล้อแห่งชีวิตหมุนบนวงล้อแห่งเวลา ตรงตำแหน่งประกับกัน เรียกว่า จุดปัจจุบัน

การที่ชีวิตได้หมุนไปพร้อมกับการหมุนของเวลา ก็คงไม่มีอะไรมากมาย
แต่สิ่งที่กั้นระหว่างหน้าผิวสัมผัสของวงล้อทั้งสอง คือ เรื่องราวของความรู้สึกนึกคิด
เรารับรู้การกระทำต่าง ๆ ณ ปัจจุบันขณะ ผ่านความรู้สึก รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
แล้วหมุนทับความรู้สึกนั้น ให้ผ่านออกไปกลายเป็นความทรงจำที่เรียกว่า เรื่องราวอดีต

เราต่างรู้ว่าชีวิตแต่ละคนมี 24 ชั่วโมง/วัน เท่า ๆ กันทุกคน  อย่างยุติธรรมเสมอภาคที่สุด
ดังนั้น วงล้อแห่งเวลาจึงมีขนาดเส้นรอบวงและความเร็วในการหมุน คงที่ตลอด
แต่สิ่งที่มีผลต่อความรู้สึกที่จะแปรสัมผัสทั้ง 5 ให้กลายเป็นเรื่องราวอดีตที่ผ่านไป
นั่นคือ ขนาดวงล้อแห่งชีวิต ที่จะเปลี่ยนไปตามขนาดของจิตใจ ในแต่ละช่วงของปัจจุบันขณะ

เมื่อจิตใจอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดมีแรงกดดันสูง ย่อมทำให้สภาพจิตมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก
เป็นผลเกิดการขยายตัวของเส้นรอบวงของวงล้อแห่งชีวิต จากแรงดันภายในที่เพิ่มมากมาย
ในขณะที่ขนาดวงล้อแห่งเวลามีขนาดเท่าเดิม ความเร็วในการหมุนคงที่ตลอด
เมื่อวงล้อแห่งชีวิตมีขนาดใหญ่ขึ้น วงล้อแห่งชีวิตจึงหมุนช้าลง ทำให้รู้สึกว่า เวลาเดินช้า

และเมื่อจิตใจได้อยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายมีแรงกดดันต่ำ สภาพจิตย่อมมีน้ำหนักที่เบาลง
เส้นรอบวงของวงล้อแห่งชีวิตก็จะหดตัวเล็กลง เนื่องจากแรงดันภายในบางเบาไม่ขยายตัว
แต่ขนาดวงล้อแห่งเวลายังมีขนาดเท่าเดิม และมีความเร็วในการหมุนคงที่เช่นเดิม
วงล้อแห่งชีวิตที่มีขนาดเล็กลง วงล้อแห่งชีวิตย่อมหมุนเร็วขึ้น จึงรู้สึกว่า เวลาผ่านไปเร็ว

จะเห็นว่าปัจจัยในการหมุนของเวลานั้นคงที่ แต่สภาพจิตใจจะมีผลทางความรู้สึกต่อเวลา
จิตใจที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมากมาย ย่อมมีน้ำหนักและเส้นรอบวงของผิวสัมผัสที่มากกว่า
ไม่ต่างอะไรกับการเข็นครกใบใหญ่ ๆ ขึ้นภูเขา เป็นความรู้สึกทุกข์ที่แสนจะยาวนาน
และเมื่อรู้สึกว่ากำลังเป็นทุกข์ ก็ยิ่งไปเพิ่มแรงดันภายในจิตใจให้หนักอกหนักใจขึ้นเรื่อย ๆ

เวลาจะเดินช้าหรือเร็ว จึงเป็นเพียงแค่ความรู้สึก จากจิตนึกคิดในใจของแต่ละช่วงขณะ
ไม่ว่าจะรู้สึกทุกข์หรือสุข ในที่สุดแล้วก็จะต้องผ่านไป ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ถาวร
ทุกข์สุขสลับหมุนเวียนเปลี่ยนไป ทุกข์สุขใหม่อย่างไรก็จะดำเนินเคลื่อนเข้ามา
อย่าเสียเวลาจดจ่อกับเวลาที่กำลังผ่านไป แต่ควรใส่ใจระลึกรู้ดูสิ่งที่กำลังกระทำจะดีกว่า

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.



 

4 ต.ค. 2554

ส้ม ส้ม ส้ม


ถ้ามีส้มอยู่ 100 ผล และมีคน 100 คน หากแบ่งกันคนละ 1 ผล ก็คงดี
เป็นความยุติธรรมที่สุดในอุดมคติของใครหลายคน แต่ความเป็นจริงไม่ใช่

ในโลกของความจริง จะมีส้มจำนวนประมาณ 90 ผล อยู่ในมือของคนเพียง 10-20 คน
ส่วนส้มที่เหลือประมาณ 10 ผล ต้องถูกคนอีก 80-90 คน แย่งชิงส้มจำนวนดังกล่าว
ย่อมหมายถึง จะมีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถแย่งชิงส้มได้เลย แม้แต่เพียง 1 กลีบ
ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ เพราะนี่คือ กฏของเงิน ธรรมชาติของการกักตุนเพื่อความอยู่รอด

ในสมัยอดีตกาล มนุษย์ปลูกข้าวไว้กิน และนำข้าวส่วนหนึ่งไปแลกปลา
ส่วนมนุษย์ที่จับปลา ก็นำปลาส่วนหนึ่งมาแลกข้าวไว้กิน ตามแต่จำนวนจะตกลงกัน
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อข้าวที่ปลูกโตไม่ทันใจ และปลาที่จับได้ก็เน่าเสียเร็ว
ทางออกที่ลงตัวที่สุด คือ การมีตัวแทนของการแลกเปลี่ยนสิ่งของ

มนุษย์ได้ใช้สิ่งสมมุติเป็นตัวแทนของการแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการ มานานนับพัน ๆ ปี
มนุษย์ใช้โลหะที่หายาก, หอยเบี้ย, ลูกปัด และสิ่งอื่น ๆ ที่(คิดว่า)มีค่า มาตั้งมูลค่าไว้แลกกัน
จนมาถึงยุคเงินสมัยใหม่ เงินกระดาษ เงินตัวแทนแลกเปลี่ยนที่ใคร ๆ อยากมีไว้ครอบครอง

ไม่ว่าจะให้นิยาม ‘เงิน’ ไว้สวยหรูเลิศเลอว่าอย่างไร แท้ที่จริง สรุปตรงตัวที่สุด
เงิน คือ ตัวแทนของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติของมนุษย์
เงิน เป็นการถนอมอาหาร และเก็บรักษาสิ่งของที่ชาญฉลาดที่สุดของมนุษย์

ทว่าเงินได้นำมาซึ่งการสะสมเพื่อสืบทอดสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติ
มีผลทำให้คนอื่น ๆ และคนรุ่นถัดไปหมดโอกาสที่จะกักตุนในทรัพยากรนั้น ๆ
จนถึงขั้นมนุษย์ใช้เงินเป็นเครื่องมือของการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในสังคมของมนุษย์เอง

เงินจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเอาตัวรอด และการเอาเปรียบของมนุษย์
หากใครไม่มีเงิน หมายความว่าจะต้องอดตาย ในเมื่อทรัพยากรได้ถูกจับจองไปหมดแล้ว
เงินจึงนำไปสู่การเห็นแก่ตัวได้ง่ายกว่าการแบ่งปันให้ผู้อื่น ที่จะเข้าถึงทรัพยากรเท่า ๆ กัน
จึงไม่แปลกที่ใคร ๆ อยากร่ำรวย เพียงเพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีชีวิตรอดอยู่บนโลก

ใช่ว่าโลกใบนี้จะโหดร้ายไปหมดเสียหมดทุกอย่าง เพียงเพราะเงินตัวเดียว
บ่อยครั้งที่พบเห็นเศรษฐีใจดีที่แบ่งปันสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรให้แก่ผู้ด้อยโอกาส
เศรษฐีใจดีผู้นั้นย่อมจะร่ำรวยความสุขมากกว่าคนรวยที่กักตุนเงินทองเพื่อตนเอง
แสดงว่า ยังมีความดีอยู่เหนือกฏของธรรมชาติ, อยู่เหนือกฏของการเอาตัวรอด
และคนดีไม่จำเป็นต้องรวยหรือจน ขอให้ไม่ตกอยู่ภายใต้กฏของเงิน เท่านั้นเอง

ปัจจุบันก็พบเห็นกลุ่มคนที่พยายามเปลี่ยนมาใช้ความดีเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแทนเงิน
เช่น โครงการธนาคารความดี ที่เน้นให้คนในชุมชนทำความดี เก็บขยะมาแลกสิ่งของ
หรือโครงการอื่น ๆ ที่เน้นการทำความดีเป็นอาสาสมัคร เพื่อแลกอาหารกลางวัน
เสมือนว่าการทำความดีนั้น สามารถใช้เป็นสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติได้
หมายความว่า โลกเราบางกลุ่มคนกำลังต้องการสิ่งทดแทนเงิน ที่เรียกว่า ‘เครดิตความดี’

เราทุกคนต่างรู้ดีว่า สะสมเงินทองมากมาย ถึงตายไปก็เอาไปไม่ได้ แม้แต่สลึงเดียว
แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้ตาย มันคือสิ่งจำเป็นในการเอาตัวรอด ใคร ๆ ก็รู้ถึงกฏข้อนี้
แต่ทว่าเมื่อใดที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ว่า ‘ภพชาติหน้ามีจริง’
ตายไปแล้วสามารถเอาผลของการกระทำความดีไปใช้ต่อได้ในภพไหนก็ตาม

ความคิดของมนุษย์จะเปลี่ยนไป เราจะเห็นผู้คนพยายามกักตุนเครดิตความดี
เครดิตความดีที่ทุกคนยอมรับว่า ใช้แลกเปลี่ยนสิทธิ์ของการกักตุนทรัพยากรธรรมชาติได้
ผู้คนจะได้ทำอาชีพที่ตนเองรัก เป็นอาชีพที่ทำดีให้แก่ผู้อื่น ทำเพื่อสะสมเครดิตความดี
จึงเป็นการให้ผู้อื่นเพื่อให้ตนเองได้อยู่รอด และเพื่อสะสมไว้ใช้ในภพชาติหน้า (ถ้ามีจริง)

ทำไมต้องรอให้พิสูจน์ว่าชาติหน้ามีจริง ทั้งที่หลายสิ่งก็ทำดีได้แถมได้ตังค์

(บทความนี้ ต้องการกล่าวถึงเรื่องของเงินกับความดีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการขยายความไปสู่เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลพวงเกี่ยวข้องกับเงิน และได้ยกตัวอย่างการกักตุนส้มโดยสมมุติเป็นอัตราตัวเลข ไม่ได้อ้างอิงถึงตัวเลขของความเป็นจริงของแต่ละกลุ่มสังคม)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

3 ต.ค. 2554

สายรุ้งพุ่งลง


ถ้ารู้สึกว่าชีวิตกำลังตกต่ำ
แสดงว่าเคยย่ำขึ้นไปบนสายรุ้ง
อย่าเสียดายกับชีวิตที่เคยรุ่ง
เพราะสายรุ้งต้องพุ่งโค้งลงสู่ดิน

(บทความนี้อ้างอิงธรรมชาติของรุ้งกินน้ำที่พบเห็นได้บ่อย)

เขียนโดย แมลงปอ อากิระ
วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2554

Copyright © 2011 Akira Dragonfly All rights reserved.

ชอบงานเขียนนี้ คลิก Like ให้กำลังใจด้วย